หลังการตีแผ่ข่าว “เฟซบุ๊ก” ปล่อยให้ข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคนรั่วไหล และอาจเชื่อมโยงไปถึงการเอื้อประโยชน์ในการเลือกตั้งของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐอเมริกา
ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม มีรายงานว่า “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ซีอีโอคนดังแห่งเฟซบุ๊ก ได้ซื้อโฆษณาเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์ 9 ฉบับ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเป็นสื่อหัวใหญ่ที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น อาทิ “ซันเดย์ มิเรอร์” “เดอะ นิวยอร์กไทมส์” และ “เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล” โดยระบุถ้อยความแสดงความเสียใจและขอโทษผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ที่ปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลออกไปผ่านทางแอปพลิเคชั่นแบบสอบถามด้านบุคลิกภาพ ที่ผูกบัญชีเข้ากับเฟซบุ๊ก เมื่อราว 4 ปีที่แล้ว
ย้อนความกลับไป เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่ออาจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร “อเล็กแซนดร์ โคแกน” ได้สร้างแอปพลิเคชั่นชื่อว่า“Thisisyourdigitallife” สำหรับบททดสอบทำนายบุคลิกภาพออนไลน์ ซึ่งแอปพลิเคชั่นดังกล่าวได้เข้าถึงคนราว 3 แสนคน และได้ขอเข้าถึง “เพื่อน” ของคนทั้ง 3 แสนคนนั้น จนโคแกนเข้าถึงข้อมูลยูสเซอร์เฟซบุ๊กมากถึง 50 ล้านคน ในแง่ความชอบ ที่อยู่ สิ่งที่ชอบ สิ่งที่แชร์ เป็นต้น
จากนั้นในปี 2015 โคแกนได้ส่งข้อมูลดังกล่าวให้ “เคมบริดจ์ แอนะไลติก้า” (Cambridge Analytica) สำนักวิจัยด้านการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งงานส่วนใหญ่คือการทำวิจัยเพื่อจัดสร้างแคมเปญหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก
โดยมีลูกค้าจากหลายประเทศ รวมไปถึงพรรค “รีพับลิกัน” ของทรัมป์ โดยที่ในปีเดียวกัน เฟซบุ๊กได้ถอดฟังก์ชั่นการขอเข้าถึงเพื่อนของผู้ใช้งานแอปที่ผูกกับเฟซบุ๊กออก และขอให้โคแกนและผู้เกี่ยวข้องลบข้อมูลทั้งหมด
เรื่องแดงขึ้น เมื่อสำนักข่าวเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ร่วมกับดิ อ็อบเซิร์ฟเวอร์ ทำรายงานเปิดโปง อ้างอิงข้อมูลจากอดีตพนักงานของแอนะไลติก้า ถึงกรณีอื้อฉาวข้างต้น
ก่อนที่ต่อมาสำนักข่าว Channel 4 News นำคลิปแอบถ่ายสัมภาษณ์ “อเล็กซานเดอร์ นิกซ์” ซีอีโอแห่งเคมบริดจ์ แอนะไลติก้า มาเผยแพร่ โดยคลิปเผยถึงข้อมูลว่าแอนะไลติก้าได้เคยทำจัดแคมเปญหาเสียงโดยไม่เปิดเผยชื่อให้แก่หลายรัฐบาลทั่วโลก ส่อเค้าความเชื่อมโยงชัดขึ้นว่า แอนะไลติก้าได้นำข้อมูลยูสเซอร์เฟซบุ๊กไปใช้ในการทำแคมเปญหาเสียงให้กับทรัมป์ ในปี 2016 โดยนำข้อมูลหาเสียงบนโลกออนไลน์ ยิงข้อความตรงใจกับบุคคล มิใช่เป็นการหว่านแหหาเสียงทั่วไป
เฟซบุ๊กได้ประกาศแบนบัญชีผู้ใช้งานแอนะไลติก้าออกจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากพบว่ายังไม่ได้ทำลายข้อมูล
ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง เพราะการส่งต่อข้อมูลของโคแกน ถือว่าผิดกฎระเบียบของเฟซบุ๊กเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถือเป็นการสั่นสะเทือนวงการบิ๊กดาต้าครั้งใหญ่ ทั่วโลกถกเถียงถึงความปลอดภัยความเป็นส่วนตัว พร้อมกับที่กระแสแฮชแท็ก #DeleteFacebook กระหน่ำ ทำให้หุ้นร่วงกราวรูดภายในวันเดียว และล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งสหราชอาณาจักร (ไอซีโอ) ได้บุกค้นบริษัทเคมบริดจ์แอนะไลติก้า ในกรุงลอนดอน
ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดีย ให้ความคิดเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นการทำลายความเชื่อถือด้านความปลอดภัยข้อมูลผู้ใช้งาน “ครั้งใหญ่” ในแวดวงยักษ์ไอที ไม่แปลกที่หุ้นเฟซบุ๊กจะตก 10% คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 พันล้านเหรียญ ทันทีที่เรื่องอื้อฉาวขึ้น
และมากไปกว่านั้น ความน่าเชื่อถือต่อตัว “มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก” ก็ลดลงไปด้วย เนื่องจากไม่ใช่เขาไม่รู้ว่ามีการทำแอปพลิเคชั่นดังกล่าว และส่งต่อข้อมูลให้แอนะไลติก้าแบบไม่ถูกต้อง ตั้งแต่ปี 2015 แต่กลับเพิกเฉยไม่ฟ้องร้อง จนกระทั่งมีการใช้ข้อมูลทำแคมเปญหาเสียง อาจเป็นได้ว่า การขายข้อมูลผู้ใช้งานให้แก่แอปต่าง ๆ ทำรายได้มหาศาลแก่เฟซบุ๊ก ซักเคอร์เบิร์กจึงเมินเรื่องที่เกิดขึ้น
นี่คือการบ่งชี้ให้ผู้ใช้งานตระหนักว่า “ของฟรีไม่มีในโลก แม้กระทั่งแอปฟรี ก็มีราคาที่ต้องจ่าย” เสมอ