Unwind Yen Carry Trade ยังไม่จบ จับตา “หยวน” รายต่อไปเขย่าโลก ?

JAPAN
A man is reflected on the window of a brokerage displaying a digital board with the Japanese yen rate versus the US dollar, along a street in Tokyo on August 13, 2024. (Photo by Richard A. Brooks / AFP)
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ

สัปดาห์ก่อนตลาดหุ้นโลกดิ่งลงรุนแรง สาเหตุเกิดจากนักลงทุนประเภท Carry Trade หรือการกู้ยืมสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยต่ำไปลงทุนสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งสกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูงก็คือ “เยน” ของญี่ปุ่น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำเกือบศูนย์ได้ทำการ “ปิดสถานะ” Yen Carry Trade หรือที่เรียกว่า Unwind Yen Carry Trade (การเทขายสินทรัพย์ทำกำไรเพื่อนำเงินไปคืนเงินกู้สกุลเยน) หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว

เจสเปอร์ โคลล์ ผู้อำนวยการของโมเน็กซ์ กรุ๊ป ชี้ว่า การปรับฐานรุนแรงของค่าเงินเยนและการ Unwind Yen Carry Trade ถือเป็นพัฒนาการทางบวกต่อญี่ปุ่น เพราะเป็นการบังคับให้นักลงทุนมุ่งเน้นความสนใจไปที่กลยุทธ์ของญี่ปุ่นแทนการทำ Carry Trade อย่างรวดเร็วเพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูง

สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าดีต่อสุขภาพของตลาดหุ้นญี่ปุ่นเอง เพราะที่ผ่านมาเงินเยนที่อ่อนมากเป็นสาเหตุให้ดัชนีนิกเคอิทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โคลล์เชื่อว่าเป็นไปได้ที่นักลงทุนจะปิดสถานะ Yen Carry Trade ไปแล้วถึง 75% ถึงแม้ในขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าวงเงินของ Carry Trade โดยรวมมีอยู่เท่าไหร่ ขณะเดียวกัน ประเมินว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะไม่ระมัดระวังท่าทีนานไปนัก หลังจากออกมาระบุว่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบหากตลาดยังไม่มีเสถียรภาพ เพื่อระงับความตื่นตกใจของนักลงทุน

โดยเชื่อว่าจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับปกติไปอยู่ที่ประมาณ 1.5% ภายในเดือนสิงหาคม ปี 2025 ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนเศรษฐกิจญี่ปุ่นไปสู่ความยั่งยืนแทนการอาศัยดอกเบี้ยต่ำ

อย่างไรก็ตาม ริชาร์ด เคลลี หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกของทีดี ซีเคียวริตีส์ เตือนว่า ยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่า Unwind Yen Carry Trade จบสิ้นลงไปแล้ว เชื่อว่าการ Unwind ขนาดใหญ่ยังมีโอกาสเกิดขึ้นต่อไป ตนคิดว่ายังมีเหลืออีกมากที่รอการ Unwind โดยเฉพาะเมื่อดูจากค่าเงินเยนที่ยังต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องใช้นโยบายการเงินที่ตึงขึ้น ดังนั้น ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าค่าเงินเยนจะเปลี่ยนแปลงไปอีก

ADVERTISMENT

นักเศรษฐศาสตร์หลายคนระบุว่า เป็นการยากที่จะประเมินอย่างถูกต้องเกี่ยวกับขนาดของ Yen Carry Trade แต่ละคนจึงประเมินแตกต่างกันไป โดยบางคนใช้วิธีประเมินจากพอร์ตการลงทุนต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้ตัวเลขออกมาที่ประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนทีมวิเคราะห์ของทีเอส ลอมบาร์ด เชื่อว่านักลงทุนอาจต้องหาเงินประมาณ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อนำไปคืนเงินเยนที่กู้มา

โจนาส กอลเทอร์มานน์ รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแคปิตอล อีโคโนมิกส์ ระบุว่า ตนไม่กังวลว่าการ Unwind จะส่งผลกระทบในระยะยาว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว และส่วนใหญ่ก็ผ่านไปแล้ว เห็นได้จากการฟื้นตัวกลับมาของตลาดหุ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ที่ถูกเทขาย รวมทั้งค่าเงินสกุล Carry Trade จะยังฟื้นตัวได้ต่อไป และทางเราประเมินว่าเงินเยนจะรักษาระดับการแข็งค่าต่อไปในอีกหลายเดือนข้างหน้าของปีนี้ไปจนถึงปี 2025

ADVERTISMENT

การถล่มของตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่มีสาเหตุจากการ Unwind Yen Carry Trade ทำให้สายตาของตลาดเริ่มจับจ้องไปที่เงินหยวนของจีน ว่าจะเกิดสถานการณ์เดียวกับเงินเยนหรือไม่ เพราะหยวนเป็นอีกสกุลหนึ่งที่นักลงทุนกู้มาลงทุนเพราะมีต้นทุนถูก

แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า Yuan Carry Trade มีความแตกต่างจาก Yen Carry Trade และไม่มีแนวโน้มจะถูก Unwind ออกมาในเร็ว ๆ นี้ และหากมีการ Unwind ก็จะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากหยวนเป็นสกุลเงินที่ไม่สามารถแลกไปเป็นสกุลอื่นได้อย่างเสรีเต็มที่ (Not Fully Convertible)

ส่วนขนาดของ Yuan Carry Trade นั้น เชื่อว่าเล็กกว่า Yen Carry Trade เพราะเยนมีสภาพคล่องมากกว่า เนื่องจากเป็นสกุลเปิดเสรี ซึ่งตามการประเมินของ Macquarie บริษัทบริการด้านการเงินระดับโลกเชื่อว่าน่าจะอยู่ที่ 5 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนโอกาสของการ Unwind Yuan Carry Trade จะเกิดขึ้นต่อเมื่อความต้องการภายในประเทศของจีนฟื้นตัว ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะแรงเพียงพอ