ยุโรปเฮ TSMC เริ่มสร้างโรงงานแห่งแรกแล้ว เยอรมนีจ่ายหนุน 5,000 ล้านยูโร 

ESMC TSMC
ผู้นำรัฐซัคเซิน-อันฮัลท์ เยอรมนี, ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป, ประธานและซีอีโอ TSMC และนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ทำพิธีเปิดหน้าดินเตรียมก่อสร้างโรงงาน ESMC (ภาพโดย Axel Schmidt/REUTERS)

TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกจากไต้หวันจัดพิธีเปิดหน้าดินเตรียมก่อสร้างโรงงานแห่งแรกในยุโรปแล้ว คณะกรรมาธิการยุโรปอนุมัติให้เยอรมนีจ่ายเงินหนุนโครงการนี้ 5,000 ล้านยูโร (ประมาณ 190,570 ล้านบาท) หวังสร้างความมั่นคงของอุปทานชิป และลดการพึ่งพาภูมิภาคอื่น 

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2024 บริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company : TSMC) ประกาศว่า บริษัท ยูโรเปียน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (European Semiconductor Manufacturing Company : ESMC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ TSMC กับอีกสามบริษัทในยุโรป ได้จัดพิธีเปิดหน้าดินเฉลิมฉลองการเตรียมพื้นที่สร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในเมืองเดรสเดน ประเทศเยอรมนี ซึ่งนับเป็นโรงงานแห่งแรกของ TSMC ในทวีปยุโรป 

TSMC เปิดเผยรายละเอียดว่า เมื่อโรงงานนี้เริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเวเฟอร์ขนาด 300 มม. (12 นิ้ว) จำนวน 40,000 ชิ้นต่อเดือน โดยใช้เทคโนโลยี CMOS ขนาด 28/22 นาโนเมตรของ TSMC และเทคโนโลยี FinFET ขนาด 16/12 นาโนเมตรในการผลิต ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของยุโรปด้วยเทคโนโลยี FinFET ขั้นสูง 

TSMC คาดว่าการลงทุนทั้งหมดในโรงงานแห่งนี้จะเกิน 10,000 ล้านยูโร ซึ่งแหล่งที่มาของเงินลงทุนประกอบด้วยเงินเพิ่มทุน (Equity Injection) เงินกู้ยืม และเงินสนับสนุนจากสหภาพยุโรปและรัฐบาลเยอรมนี และคาดว่าโรงงานแห่งนี้จะสร้างงานให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขั้นสูงโดยการจ้างงานทางตรง ประมาณ 2,000 ตำแหน่ง และคาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างงานทางอ้อมจำนวนมากตลอดห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยหนุนเสริมเศรษฐกิจของยุโรปได้

สำหรับการให้เงินสนับสนุนของรัฐบาลเยอรมนีนั้น สำนักข่าวดอยท์เชอเวลเลอ (DW) ของเยอรมนีรายงานว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้อนุมัติการสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของ ESMC ในวันเดียวกัน (20 สิงหาคม) ซึ่งการอนุมัติดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลกลางของเยอรมนีสามารถให้การสนับสนุนทางการเงินมูลค่า 5,000 ล้านยูโร (ประมาณ 190,570 ล้านบาท) แก่โครงการของ ESMC ได้ 

การอนุมัติเงินช่วยเหลือดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ยุโรปเองก็กำลังมองหาความมั่นคงยิ่งขึ้นในด้านอุปทานเทคโนโลยี และต้องการหลีกเลี่ยงการพึ่งพาภูมิภาคอื่น ๆ ในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจำเป็นสำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายประเภท ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ รถยนต์ ไปจนถึงขีปนาวุธ

ADVERTISMENT

คำตัดสินของคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า โครงการนี้มีข้อดีอย่างมีนัยสำคัญโดยแทบไม่มีข้อเสีย และจำนวนเงินที่รัฐบาลเยอรมนีให้การสนับสนุนนั้นได้สัดส่วน-ไม่มากเกินไป 

“มาตรการดังกล่าวมีผลกระทบจำกัดต่อการแข่งขันและการค้าภายในสหภาพยุโรป มันจำเป็นและเหมาะสมในการทำให้แน่ใจว่าห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของยุโรปมีความทานทน” 

ADVERTISMENT

แถลงการณ์ของคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า มาตรการนี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางอุปทาน ความทานทน (Resilience) และอธิปไตยทางดิจิทัล (Digital Sovereignty) ในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ของยุโรป นอกจากนี้ มาตรการนี้ยังจะช่วยบรรลุการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสีเขียวด้วย 

“ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกกำลังเดินทางมาที่ทวีปของเราและร่วมมือกับแชมเปี้ยนยุโรป 3 ราย” 

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวขณะร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงาน และยกย่องด้วยว่า การตั้งโรงงานของ TSMC เป็นการให้การรับรองยุโรปในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก 

ขณะที่โอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) นายกรัฐมนตรีของเยอรนีกล่าวว่า ยุโรปรู้สึกตื่นเต้นมากที่ผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มาเปิดโรงงานในเยอรมนี-ยุโรป 

ด้าน ซี.ซี. เว่ย (C.C. Wei) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ TSMC กล่าวว่า เป้าหมายของ TSMC คือการตอบสนองดีมานด์เซมิคอนดักเตอร์ของภาคอุตสาหกรรมและยานยนต์ในยุโรป 

“ด้วยโรงงานผลิตที่ทันสมัยแห่งนี้ เราจะนำวิธีการผลิตอันสร้างสรรค์ของ TSMC มาเข้าใกล้ลูกค้าและพันธมิตรในยุโรปของเรามากยิ่งขึ้น” ซีอีโอ TSMC กล่าว 

ทั้งนี้ ตามการรายงานของนิกเคอิเอเชีย (Nikkei Asia) บริษัท TSMC ถือหุ้นบริษัท ESMC อยู่ 70% และมีสามบริษัทร่วมทุน คือ บ๊อช (Bosch) ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากเยอรมนี, อินฟินีออน เทคโนโลยีส์ (Infineon Technologies) ผู้ผลิตชิปยานยนต์จากเยอรมนี และเอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดักเตอร์ส (NXP Semiconductors) จากเนเธอร์แลนด์ ถือหุ้นบริษัทละ 10%