
ตัวเลขจากกระทรวงแรงงานสหรัฐที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวาน (วันพุธที่ 21 สิงหาคม เวลาท้องถิ่นสหรัฐ) แสดงให้เห็นว่า เมื่อปีที่แล้วการเติบโตของงานในสหรัฐ ดูเหมือนจะอ่อนแอกว่าที่เคยเข้าใจกันก่อนหน้านี้ นับเป็นการปรับปรุงข้อมูลที่จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับสถานะเศรษฐกิจสหรัฐที่ดุเดือดอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มดีกรีขึ้นไปอีก เมื่อการอัพเดตข้อมูลใหม่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน การประมาณการการจ้างงานครั้งใหม่ก็กลายเป็นประเด็นทางการเมืองอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลที่มีการปรับปรุงล่าสุดบ่งชี้ว่า ในช่วง 12 เดือน ก่อนเดือนมีนาคม 2024 นายจ้างสร้างตำแหน่งงานใหม่ราว 2,088,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบจำนวนงานใหม่ที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ราว 2,880,000 ตำแหน่ง หรือน้อยกว่าราว 818,000 ตำแหน่ง ลดลงราว 30% เมื่อเทียบกับการประมาณการครั้งก่อน ซึ่งถือเป็นการอัพเดตข้อมูลครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009
บีบีซีรายงานว่า เมื่อคิดการเติบโตของงานเป็นรายเดือน ตามประมาณการใหม่ ชี้ให้เห็นการเติบโตของงานต่อเดือนประมาณ 174,000 ตำแหน่ง แทนที่จะเป็นประมาณ 240,000 ตำแหน่งตามที่เข้าใจกันก่อนหน้านี้ ซึ่งเกิดจากการปรับลดตัวเลขจ้างงานใหม่ในภาคส่วน ส่วนใหญ่รวมถึงข้อมูล สื่อ และเทคโนโลยี รวมถึงภาคส่วนอื่น ๆ เช่น ค้าปลีก การผลิต และหมวดบริการเฉพาะทางอย่าง “บริการระดับมืออาชีพและธุรกิจ”
นอกจากนี้ การเติบโตของงานในช่วงเวลาดังกล่าว ยังสะท้อนว่าการจ้างงานใหม่ “ขึ้นอยู่กับภาครัฐบาล การศึกษา/การดูแลสุขภาพมากกว่าที่คิด” นายไรอัน สวีต (Ryan Sweet) จากบริษัทที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ “ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์” (Oxford Economics) ระบุ และว่าการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง แต่ยังน้อยกว่าที่ต้องการ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ทันกับการเติบโตของประชากรวัยทำงาน
สำหรับที่มาของตัวเลขที่ปรับปรุงใหม่นี้ กระทรวงแรงงานเผยแพร่ประมาณการการสร้างงานในแต่ละเดือน โดยอิงจากแบบสำรวจที่ส่งไปยังนายจ้าง กระทรวงจะแก้ไขตัวเลขเป็นประจำเมื่อได้รับข้อมูลเพิ่มเติม โดยจะรีเซตตัวเลขครั้งสุดท้ายในช่วงต้นปี โดยนำข้อมูลภาษีประกันการว่างงานระดับเขตมารวมไว้ด้วย นายสวีทตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ไขครั้งนี้ “มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” เมื่อเทียบกับครั้งก่อน
การเติบโตของงานที่แข็งแกร่งเป็นกุญแจสำคัญของฝ่ายรัฐบาลไบเดนเพื่อให้ประชาชนเห็นว่านโยบายของฝ่ายบริหารช่วยให้สหรัฐฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ด้วยเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่หลังการปรับปรุงข้อมูลใหม่ พรรครีพับลิกันใช้ตัวเลขดังกล่าวเพื่อโต้แย้งว่าพรรคเดโมแครตกำลังหลอกลวง (Gaslighting) ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับสถานะเศรษฐกิจ
พรรครีพับลิกันตอบโต้ในโซเชียลมีเดียว่า “ด่วน : งาน 818,000 ตำแหน่งที่ฝ่ายบริหารของไบเดน-แฮร์ริสอ้างว่า “สร้างขึ้น” นั้นไม่มีอยู่จริง” และโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันสู้ศึกประธานาธิบดีสหรัฐโพสต์บน ทรูธ โซเชียล (Truth Social) ว่า “อื้อฉาวครั้งใหญ่ !” โดยทรัมป์อ้างว่าตัวเลข “ที่แท้จริง” นั้น “เลวร้ายกว่านั้นมาก”
แต่จาเร็ด เบิร์นสไตน์ ประธานคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีไบเดน กล่าวว่าการปรับตัวเลขการจ้างงานใหม่ดังกล่าว ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าการฟื้นตัวของการจ้างงานนั้นยังแข็งแกร่งมาโดยตลอด ส่งผลให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นจริง การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มั่นคง และการสร้างธุรกิจขนาดเล็กมากจนทุบสถิติ
ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา สหรัฐรายงานการเติบโตของการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งขัดต่อการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์และความรู้สึกของประชาชน ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของการจ้างงานตามตัวเลขเดิมทำให้หลายคนประหลาดใจ เนื่องจากธุรกิจและครัวเรือนต้องเผชิญกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงที่สุดในรอบหนึ่งชั่วอายุคน ซึ่งโดยปกติแล้วจะทำให้การเติบโตชะงัก
ตามที่พรรครีพับลิกันเน้นย้ำ การแก้ไขตัวเลขจ้างงานดังกล่าวสนับสนุนข้อโต้แย้งที่ว่า ตลาดแรงงานอยู่ในสภาพสั่นคลอนมากกว่าที่เข้าใจกันแต่เดิม และนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่าตัวเลขใหม่นี้จะช่วยสนับสนุนเหตุผลที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ตามกำหนดจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดกันไว้แล้ว เนื่องจากธนาคารพยายามป้องกันไม่ให้ตลาดแรงงานอ่อนแอลงไปอีกนั่นเอง
การปรับลดข้อมูลนี้ไม่ทำให้เกิดความกังวลอย่างกว้างขวาง ตลาดการเงินซึ่งผันผวนจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในช่วงต้นเดือนนี้ ตอบสนองต่อข้อมูลล่าสุดด้วยท่าทีที่สงบ โดยระบุว่าข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว “การเติบโตของการจ้างงานนอกภาคเกษตรตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 ถึงเดือนมีนาคม 2024 ดูเหมือนจะชะลอตัวลงกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง” โอลิเวีย ครอส นักเศรษฐศาสตร์ที่ดูแลภูมิภาคอเมริกาเหนือ จาก แคปิตอล อีโคโนมิกส์ (Capital Economics) ระบุ