
ในโอกาสครบรอบ 1 ปี ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ทำเนียบขาว ยืนยันโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐมีกำหนดจะพบกับนายโต เลิม ผู้นำเวียดนาม นอกรอบการประชุมประจำปีของยูเอ็น และนายเลิมมีกำหนดหารือกับผู้แทนภาคธุรกิจชั้นนำของสหรัฐ
ข้อมูลเผยแพร่ครั้งแรก 23 กันยายน 2024 เวลา 09.08 น.อัพเดตล่าสุดเมื่อ 15.14 น.
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2024 รอยเตอร์รายงานว่า ทำเนียบขาวยืนยันนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐจะพบหารือกับนายโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และประธานาธิบดีเวียดนาม ในวันพุธที่ 25 กันยายนนี้ คาดว่าการพบหารือของผู้นำทั้งสองจะเกิดขึ้นนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ หรือยูเอ็นจีเอ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หลังจากรายงานอ้างแหล่งข่าวก่อนหน้านี้
ก่อนทริปสหรัฐของนายโต เลิม เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวนักโทษในคดีความมั่นคงออกจากคุกก่อนกำหนด รวมถึง ธ่าน ฮูนห์ ตุ่ย ทัค ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 16 ปีคดีล้มล้างรัฐบาล และฮอง ธิ มินห์ ออง นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมถูกตัดสินโทษจำคุก 3 ปี ในคดีฉ้อโกงภาษี
นายไบเดนกระตือรือร้นที่จะกระชับความสัมพันธ์กับเวียดนามที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และเป็นศูนย์กลางการผลิต ในความพยายามที่จะตอบโต้อิทธิพลรัสเซียและจีน หลังจากเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว นายไบเดนเยือนเวียดนามและเจรจาต่อรองทำข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์และแร่ ตลอดจนยกระดับสถานะความสัมพันธ์เวียดนามขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ถือเป็นสถานะทางการทูตที่สูงที่สุดของเวียดนาม
นับเป็นทริปแรกที่นายเลิมเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ ตำแหน่งที่ทรงอำนาจมากที่สุดของเวียดนาม เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และจะพบหารือกับผู้แทนจากบริษัทสหรัฐหลายบริษัท รวมถึงอัลฟาเบทของกูเกิล และบริษัทเมตา เจ้าของเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ ยังมีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย หนึ่งในไอวีลีกของสหรัฐ
วีเอ็นอีโคโนมี (VnECONOMY) สื่อท้องถิ่นเวียดนามรายงานว่า เป็นโอกาสสำคัญที่สองชาติทบทวนและประเมินความสำเร็จในกรอบการทำงานภายใต้ความสัมพันธ์ใหม่ และจะหารือเพื่อวางทิศทางใหญ่ ๆ รวมถึงมาตรการที่รักษาพัฒนาการความสัมพันธ์ที่มีแก่นแกนสำคัญ เสถียรภาพและในทิศทางบวก สองประเทศจะทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจทางการเมืองและความเชื่อมั่นทางยุทธศาสตร์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ครบรอบ 1 ปีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม
นายบุย ธาน ซอน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามกล่าวว่า การประชุมประจำปียูเอ็นเกิดขึ้นในห้วงที่สองชาติเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมครบ 1 ปี รวมถึงการเตรียมงานฉลองครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตของสองชาติครบ 30 ปีในปี 2025 ที่ต่างทำงานอย่างแข็งขันเพื่องานนี้
สำหรับความร่วมมือเวียดนาม-สหรัฐ มีความคืบหน้าที่สำคัญหลายด้าน
การแลกเปลี่ยนการเยือนและตัวแทนเกิดขึ้นในทุกช่องทางและทุกระดับ นอกจากการรักษากลไกการหารือประจำปีที่มีอยู่เดิม ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มกรอบการเจรจาใหม่ ซึ่งประสบความสำเร็จ รวมถึงการเจรจาในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบการเจรจาทางเศรษฐกิจ ตลอดจนความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งช่วยให้แถลงการณ์ร่วมประกาศการยกระดับความสัมพันธ์สองชาติเมื่อปี 2023 มีผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนความสัมพันธ์สองฝ่าย โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ การค้าสองฝ่ายมีมูลค่าราว 88,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.8 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบปีต่อปี หลายบริษัทใหญ่จำนวนมากจากทั้งสองชาติต่างขยายการลงทุนในตลาดของแต่ละฝ่าย
ความร่วมมือด้านความมั่นคงและกลาโหมมีความคืบหน้าด้วยเช่นกัน รวมถึงการร่วมกันในการแก้ไขผลจากจากสงครามที่ถูกยกเป็นวาระงานลำดับแรกและเสาที่สำคัญยิ่งในความร่วมมือสาขานี้
สองฝ่ายยังคงรักษาการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดต่อไปในทุกกลไก ภายใต้ความร่วมมือหลายฝ่าย หรือเวทีพหุภาคี และฟอรั่มใหญ่ ๆ ตลอดจนความร่วมมือที่สำคัญของสองชาติในการตอบสนองต่อประเด็นปัญหาระดับโลก
ส่วนในสาขาที่ทั้งสหรัฐและเวียดนามยังคงมีความแตกต่างกันอยู่ สองชาติจะเพิ่มการเจรจาอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ โดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของแต่ละฝ่าย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา เวลาท้องถิ่นสหรัฐ นายเลิมกล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อ “ซัมมิตแห่งอนาคต” บนเวทียูเอ็นจีเอ ซึ่งถือโอกาสการประชุมยูเอ็นจีเอเปิดตัวในฐานะผู้นำเวียดนาม โดยกล่าวสนับสนุนความร่วมมือแบบพหุภาคี หนุนบทบาทยูเอ็นในฐานะที่เป็นแกนกลางด้านสันติภาพโลก ความร่วมมือและการพัฒนาระหว่างประเทศ
ถือเป็นครั้งแรกที่เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เข้าร่วมการประชุมระดับสูงในเวทียูเอ็นจีเอ
นายเลิมยังมีกำหนดเดินทางเยือนคิวบา หุ้นส่วนชาติคอมมิวนิสต์เก่าแก่ของเวียดนาม หลังการประชุมยูเอ็นเสร็จสิ้นด้วย