สมาคมกลุ่มการค้าบริการออกจดหมายเตือนรัฐบาลอังกฤษ ต่อแผนงบประมาณฤดูใบไม้ร่วง ว่าอาจส่งผลกระทบต่อการลดตำแหน่งงานมหาศาล หากปรับเกณฑ์จ่ายเงินสมทบประกันสังคมเข้มงวดกว่าเดิม
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า สมาคมการค้าสหราชอาณาจักร ระบุว่าแผนขึ้นภาษีของรัฐบาลอาจทำให้ภาคธุรกิจต้องลดตำแหน่งงานลงเป็นจำนวนมาก และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการปิดกิจการ นับเป็นคำเตือนชุดใหม่ต่อแผนงบประมาณของราเชล รีฟส์ (Rachel Reeves) รัฐมนตรีคลังอังกฤษ
ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมภาคบริการต้อนรับ (Hospitality) กว่า 200 ราย ส่งจดหมายเปิดผนึกในนามของสมาคมการค้ายูเคฮอสพิทัลลิตี้ (UKHospitality) ซึ่งมีเนื้อความเน้นย้ำว่า การเรียกเก็บเงินสมทบประกันสังคมที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอย่างมาก ตลอดจนค่าจ้างขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นจะเพิ่มต้นทุนภาคบริการเป็นจำนวนเงิน 3,400 ล้านปอนด์ (ราว 1.5 แสนล้านบาท) ตามการประเมินตัวเลขในเชิงสงวน (conservative estimate)
งบประมาณฤดูใบไม้ร่วงของรีฟส์ที่ประกาศเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ระบุถึงการเก็บภาษีกว่า 40,000 ล้านปอนด์ (ราว 1.77 ล้านล้านบาท) ตลอดจนการกู้ยืมที่มากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่น ๆ เช่น เรียกเก็บเงินสมทบประกันสังคมจากฝั่งนายจ้างเพิ่ม 1.2 จุดเปอร์เซ็นต์ (Percentage Point) เป็น 15% และลดเกณฑ์ค่าจ้างเริ่มต้นที่นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบลงจาก 9,100 ปอนด์ (ราว 4 แสนบาท) เป็น 5,000 ปอนด์ (ราว 2 แสนบาท)
เคต นิโคลส์ (Kate Nicholls) ซีอีโอของสมาคมการค้ายูเคฮอสพิทัลลิตี้เขียนไว้ในจดหมายว่า ไม่มีความสามารถในการส่งต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้เลย ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจต้องพิจารณาการลงทุนและ “ลดตำแหน่งงานลงมหาศาล”
มาตรการด้านงบประมาณทำให้ผู้ค้าปลีกได้แก่ เจ เซนส์เบอรี (J Sainsbury) และมาร์กแอนด์สเปนเซอร์ กรุ๊ป (Marks & Spencer Group) ออกมาเตือนถึงต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ซันเดย์ ไทมส์ (Sunday Times) ยังรายงานอีกด้วยว่า เทสโก้ (Tesco) ภาคเอกชนรายใหญ่ที่มีการจ้างงานมากที่สุดในสหราชอาณาจักร จะต้องจ่ายเงินสมทบประกันสังคมสูงถึง 1,000 ล้านปอนด์ (ราว 44,000 ล้านล้านบาท)
จดหมายดังกล่าวยื่นข้อเสนอเรียกร้องให้รัฐบาลลดอัตราการจ่ายเงินสมทบของลูกจ้างที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 5,000 ปอนด์ถึง 9,000 ปอนด์ลงเหลือ 5% หรือยกเว้นการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมแก่ผู้ที่ทำงานน้อยกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์