
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก ผู้เขียน : ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของลาว เพื่อนบ้านทางตะวันออกของไทยในช่วงปลายปี 2024 ยิ่งเลวร้ายลงมากขึ้นทุกที หนี้สินต่างประเทศพอกพูนเป็นภูเขา ทุบทำลายค่าเงินกีบจนแทบไม่หลงเหลือ ในขณะที่ภายในประเทศ ประชากรจำนวนมากหมดทางออก ได้แต่หันไปพึ่งพาวิถีดั้งเดิม เข้าป่าล่าสัตว์ประทังชีพ
เศรษฐกิจของลาว ส่อเค้ามีปัญหามาตั้งแต่ปีที่ทั่วโลกเผชิญหน้ากับวิกฤตโรคระบาดครั้งใหญ่อย่าง โควิด-19 ซ้ำเติมด้วยสถานการณ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์อย่าง การบุกยึดครองยูเครนของรัสเซียในเวลาต่อมา ทำให้ราคาสินค้า โดยเฉพาะในหมวดอาหาร ถีบตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกินขีดความสามารถของทางการลาวที่จะระงับยับยั้งในที่สุด
ข้อมูลของธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) สะท้อนให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน โดยชี้ให้เห็นว่า ในปี 2022 อัตราเงินเฟ้อในลาวพุ่งสูงถึง 23% ก่อนที่จะถีบตัวสูงขึ้นอีกถึง 31% ในปี 2023 และในปีนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดชะงักหรือชะลอลงแต่อย่างใด อัตราเงินเฟ้อยังคงพุ่งสูงจนคาดว่าจะถึงระดับ 25% อีกเช่นเดียวกัน
ภายใต้สภาวะเงินเฟ้อระดับนี้ ผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุดก็คือบรรดาประชาชนทั้งหลาย เนื่องจากราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ล้วนแล้วแต่เพิ่มสูงขึ้นไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะเป็น ข้าว น้ำมันปรุงอาหาร เรื่อยไปจนถึง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ทั้งหลาย
รายงานการสำรวจสถานการณ์เศรษฐกิจลาวของธนาคารโลกที่จัดทำขึ้นในปี 2024 นี้ ระบุว่า มีจำนวนครัวเรือนลาวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ต้องตกอยู่ในสภาพ ไม่มีกิน จนจำเป็นต้องเข้าป่า ล่าสัตว์ สำหรับประทังชีวิต ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหลายชะลอลงจนแทบหยุดชะงัก
ตัวอย่างเช่น ที่ “ตลาดเช้า” ในเวียงจันทน์ ที่เคยเป็นสถานที่ที่ชาวลาวมักเดินทางมาจับจ่ายซื้อหา สร้อย แหวน กำไล สำหรับใช้เป็นของขวัญของฝากเนื่องในวาระสำคัญ ๆ บรรยากาศการซื้อขายเงียบเหงา พ่อค้าร้านทองรายหนึ่งยอมรับว่า ร้านของตนซึ่งเคยคึกคัก ตอนนี้กลับแทบไม่มีลูกค้ามาจับจ่าย ชนิดนั่งทั้งวัน ไม่มีลูกค้ามาซื้อแม้แต่รายเดียวก็เกิดขึ้นบ่อย ๆ คนส่วนใหญ่ที่เดินเข้าร้านมา เป็นคนที่นำเอาทองคำที่ตัวเองเคยมีเก็บไว้มาขาย เพื่อแลกเป็นเงินไปใช้ยังชีพ
ย้อนกลับไปในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจลาวขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้ชื่อว่าเป็นชาติที่ยากจนที่สุดในเอเชียอยู่ดี เอดีบีระบุว่า ลาวเป็นประเทศที่สภาพพื้นที่ไม่เอื้อต่อสภาพการขนส่งทางบก เป็นเหตุให้การคมนาคมขนส่งมีจำกัดอย่างยิ่ง เศรษฐกิจลาวจึงพึ่งพาแรงงานค่าจ้างต่ำเป็นหลัก
ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะได้รับการว่าจ้างเป็นแรงงานในภาคเกษตรกรรม และจนถึงขณะนี้ เอดีบีระบุว่า เกือบ 1 ใน 3 ของเด็กชาวลาวตกอยู่ในสภาพทุพโภชนาการ หยุดชะงักการเติบโต แคระ แกร็น จัดอยู่ในอัตราส่วนทุพโภชนาการที่สูงที่สุดของโลก
ในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ทางการลาวพยายามพัฒนาประเทศขนานใหญ่ โดยอาศัยเงินกู้จากจีนเป็นมูลค่ากว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง และก่อสร้างเขื่อนสำหรับใช้เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยมีเป้าหมายเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้า หรือ “แบตเตอรี่” สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัญหาของลาวก็คือ โครงการพัฒนาเหล่านั้นไม่สามารถก่อให้เกิดรายได้สูงมากขึ้นอย่างที่คาดหวัง ผลก็คือยิ่งพัฒนาหนี้ยิ่งท่วมท้น รายงานล่าสุดของธนาคารโลก เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า หนี้สินต่างประเทศของลาว รวมมูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 108% ของจีดีพีของประเทศนั้น เป็นหนี้ในระดับที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจของลาว “ไม่สามารถจะทนได้”
เงินที่ลาวจำเป็นต้องนำไปใช้ในการชำระหนี้ ยิ่งกระพือให้สภาวะเงินเฟ้อย่ำแย่หนักขึ้น ด้วยการไปทำให้ค่าเงินกีบอ่อนตัวลง อัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบกับเงินดอลลาร์ ลดลงถึงครึ่งหนึ่งในปี 2022 และลดลงอีกเกือบ 1 ใน 5 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 นี้
ค่าเงินถูกลง ยิ่งทำให้ราคาสินค้าในประเทศซึ่งจำเป็นต้องนำเข้าเกือบทั้งหมดพุ่งสูงขึ้น กลายเป็นปัจจัยกดดันให้ความต้องการของผู้บริโภคในลาวลดลงอย่างฮวบฮาบ บีบให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอช้าลงจนแทบหยุดชะงัก
ในปี 2024 อีกไม่นาน ลาวจำเป็นต้องใช้เงิน 1,700 ล้านดอลลาร์สำหรับชำระดอกเบี้ยเงินกู้ ถัดจากนั้นต่อเนื่องไปอีก 3 ปี ทางการลาวก็จำเป็นต้องชำระดอกเบี้ยอีกโดยเฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 1,300 ล้านดอลลาร์ สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของทางการหดหายไปอีกมหาศาล กดดันต่อค่าเงินมากยิ่งขึ้นไปอีก
แผนการรัดเข็มขัดของทางการเพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่ 20% ในสิ้นปีนี้ถูกมองว่า ไม่เพียงช้าไปมากยังไม่น่าจะแก้ไขอะไรได้อีกด้วย หากปราศจากการปรับโครงสร้างหนี้ให้ได้อย่างจริงจัง
ซึ่งเท่ากับว่า ชะตากรรมของลาวขึ้นอยู่กับความกรุณาปรานีของจีน เท่านั้นเอง