“พันธมิตรไทย สหรัฐมองย้อนอดีต มุ่งสู่อนาคต” กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้จัดในโอกาสสถาปนากระทรวงการต่างประเทศครบ 150 ปี แบ่งปันประสบการณ์ความรู้จากผู้มีประสบการณ์ตรงในการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐ ซึ่งในช่วงที่ไทยเผชิญเหตุการณ์ที่ยากลำบากตามชายแดนกัมพูชา ก็ได้สหรัฐยืนเคียงข้างไทย
เมื่อ 30 พฤษภาคม 2025 วีระศักดิ์ ฟูตระกูล อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศและอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐ กล่าวช่วงหนึ่งว่า สมัยตนเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศ (ปี 2007-2009) เกิดเหตุการณ์ที่ชายแดนติดกับกัมพูชาเหมือนกับปัจจุบัน ทางกัมพูชาจะนำเรื่องเหตุการณ์ที่ชายแดนไปบรรจุในวาระของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งหากเรื่องใดอยู่ในวาระของ UNSC แล้ว การจะถอนวาระออกมานั้นลำบากมาก แล้วกัมพูชาเตรียมการมาเป็นอย่างดี สร้างสถานการณ์ที่ชายแดน
กัมพูชาเลือกจังหวะที่เวียดนามเป็นประธาน UNSC และก็ได้ระดมทั้งรัสเซีย ฝรั่งเศสที่เคยครอบครองกัมพูชารวมกันผลักดันที่จะให้เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ในวาระของคณะมนตรี หากไม่ได้สหรัฐวีโต้ หรือใช้สิทธิยับยั้งในครั้งนั้น “เราก็เสร็จเขา”
ซึ่งทูตฝรั่งเศสเล่าให้ตนฟังว่า เขามีเสียงมากพอที่จะเอาประเด็นนี้เข้า UNSC แต่ไม่สามารถนำเข้าได้ เพราะสหรัฐไม่ยินยอม
พื้นฐานความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างไทยและสหรัฐ คือแถลงการณ์ถนัด-รัสก์ ซึ่งขยายจาก SEATO (องค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) จากความร่วมมือพหุภาคี เป็นทวิภาคี
อดีตทูตวีระศักดิ์ต้องการชี้ให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ 200 ปีไทย-สหรัฐมีทั้งขึ้นและลง ทุกครั้งที่มีวิกฤต สหรัฐยืนข้างไทย และในปัจจุบันกระแสเปลี่ยนแปลงไป ทุกคนยังไม่รู้ว่า ระเบียบโลกเก่าที่ถูกกัดกร่อนไปนั้น จะมีอะไรเข้ามาแทนที่ และปัจจุบันกฎหมายระหว่างประเทศถูกท้าทาย และหากโลกไม่ได้ปกครองด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ ก็จะเป็นไปตามสุภาษิตกรีก ที่ว่า “คนที่มีอำนาจจะทำตามอำนาจที่มี ส่วนคนที่มีอำนาจน้อยกว่าต้องยอมจำนน ต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ” และเมื่อกฎหมายระหว่างประเทศถูกท้าทาย กลไกระหว่างประเทศที่ช่วยไทยได้คือ การสร้างดุลแห่งอำนาจระหว่างมหาอำนาจ (Balance of Power) ซึ่งเป็นนโยบายต่างประเทศของไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่โบราณสมัยสมเด็จพระนารายณ์
ดังนั้นบทบาทของสหรัฐในการสร้างดุลแห่งอำนาจจึงสำคัญ เมื่อมองความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐในกว่า 200 ปีที่ผ่านมา (นับตั้งแต่ปี 1818 ก่อนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต) ทุกครั้งที่มีวิกฤต สหรัฐยืนอยู่ข้างเรา แม้ปัจจุบันเราอาจรู้สึกทางลบ เนื่องจากถูกกดดันด้านเศรษฐกิจการค้าในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขอย้ำว่าหากไม่มีสหรัฐจึงยากที่จะมีดุลยภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ได้
190 ปี ไทย-สหรัฐสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตตามสนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ ไทยเป็นชาติแรกในเอเชียที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐ
เสาหลักสำคัญของความสัมพันธ์ คือการทหารและความมั่นคง การฝึกคอบร้าโกลด์กว่า 40 ปี เป็นการฝึกร่วมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้านเศรษฐกิจ สหรัฐเป็นคู่ค้าอันดับสองและตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย และไทยไปลงทุนในสหรัฐในอันดับต้น ๆ และมีการลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ในมิติความสัมพันธ์ประชาชนกับประชาชน สหรัฐเป็นที่ตั้งชุมชนไทยที่ใหญ่ที่สุดในโลก