สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐออกมาตรการห้ามพลเรือนต่างชาติเดินทางเข้าสหรัฐเพิ่มเติมเมื่อคืนวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) โดยห้ามบุคคลาจาก 3 ประเทศได้แก่ เกาหลีเหนือ เวเนซุเอลา และชาด มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมนี้ รวมทั้งยกเลิกคำสั่งแบนพลเมืองจากซูดานออก
โดยทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการทีออกใหม่ดังกล่าวนั้นเป็นไปตามการทบทวนการแบ่งปันข้อมูลโดยกระทรวงการต่างประเทศ
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- ทูลเกล้า 11 รายชื่อคณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1/1 ออก 4 เข้าใหม่ 6 ตำแหน่ง
ทรัมป์ระบุว่า การทำให้สหรัฐอเมริกาปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับ 1 เราจะไม่ให้บุคคลที่ไม่สามารถตรวจสอบความปลอดภัยได้เข้าประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศ เกาหลีเหนือ เวเนซุเอลา และชาด นั้นจะถูกห้ามเข้าสหรัฐร่วมกับคำสั่งแบนมุสลิม 6 ชาติที่แบนไปก่อนหน้านี้ (อิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย เยเมน โซมาเลีย และซูดาน) ทำให้พลเมืองทั้งหมดที่ถูกห้ามเข้าสหรัฐมีทั้งหมด 8 ประเทศได้แก่ อิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย เยเมน โซมาเลีย เกาหลีเหนือ เวเนซุเอลา และชาด โดยได้ยกเลิกพลเมืองจากประเทศซูดานออกจากการห้ามดังกล่าว
ทั้งหน้าการห้ามบุคคลต่างชาติเข้าประเทศนั้นในส่วนของเวเนซุเอลานั้นมีเพียงเจ้าหน้าที่รัฐบาลและสมาชิกในครอบครัวเท่านั้นที่ห้ามเดินทางมายังสหรัฐ เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือกันในการตรวจสอบว่า พลเมืองของตนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่
ส่วนประเทศชาดถูกยกเลิกวีซ่าธุรกิจ และท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นพันธมิตรต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย แต่ไม่แบ่งปันข้อมูลข้อผู้ก่อการร้าย และข้อมูลสาธารณะตามที่สหรัฐต้องการ
และสำหรับเกาหลีเหนือนั้น สหรัฐห้ามบุคคลของเกาหลีทุกคนห้ามเข้าประเทศ เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่ให้ความร่วมมือใดๆ กับสหรัฐในทุกเรื่อง
ทั้งนี้ มาตรการใหม่แบนพลเรือนต่างชาติเข้าประเทศจะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.นี้ และจะไม่มีผลกับบุคคลที่มีวีซ่าอยู่แล้ว
