“เฟซบุ๊ก” เผยอนุญาตพนักงาน 50% ไม่ต้องเข้าออฟฟิศภายใน 5-10 ปีข้างหน้า

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” เจ้าพ่อเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ว่าพนักงานราว 50% ของเฟซบุ๊กจะสามารถ “ทำงานทางไกล” (Remote Work) โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศได้อย่างถาวร ภายใน 5-10 ปีข้างหน้า หลังจากที่บริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากได้อนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านหรือ “เวิร์กฟอร์มโฮม” ได้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

อย่างไรก็ตาม นายซักเคอร์เบิร์กระบุว่า สิ่งนี้เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ไม่ใช่เป้าหมายของบริษัท แต่ก็นับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเฟซบุ๊กที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงาน และขยายความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจที่กว้างขวางยิ่งขึ้นผ่านการจ้างงานผู้คนในพื้นที่ห่างไกล

“เมื่อคุณจำกัดการจ้างงานเฉพาะผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ หรือคนที่พร้อมจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ นั่นเป็นการตัดโอกาสผู้คนอีกจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชุมชนอันหลากหลาย และมีภูมิหลังและมุมมองที่แตกต่างกัน” นายซักเคอร์เบิร์กกล่าวในไลฟ์สตรีมมิ่งในหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว

โดยเฟซบุ๊กระบุว่า บริษัทจะเพิ่มการจ้างงานสำหรับพนักงานทางไกลมากขึ้น โดยเฉพาะในตำแหน่งงานวิศวกรรมขั้นสูง ขณะที่ตำแหน่งงานพื้นฐานขั้นต้นส่วนใหญ่ของบริษัทจะยังคงไม่ได้รับสิทธิ์ในการทำงานทางไกล ทั้งนี้จะเริ่มดำเนินการในพื้นที่ที่มีสำนักงานของเฟซบุ๊กตั้งอยู่ก่อนอย่าง พอร์ตแลนด์, ซานดิเอโก, ฟิลาเดลเฟีย และ พิตต์สเบิร์ก

นอกจากนี้ นายซักเคอร์เบิร์กยังระบุว่า เฟซบุ๊กมีความพยายามสนับสนุนให้พนักงานปัจจุบันสามารถทำงานทางไกลได้อย่างถาวร โดยในระยะแรกคาดว่าจะมีพนักงานเพียง 25% เท่านั้นที่กลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศหลังจากที่สำนักงานของเฟสบุ๊กกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง โดยบริษัทกำหนดระบบให้พนักงานที่ต้องการทำงานทางไกลจะต้องรายงานตำแหน่งที่ตั้งของตนเองให้บริษัทรับทราบ

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเฟซบุ๊กเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคู่แข่งอย่าง”ทวิตเตอร์” ประกาศอนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ตลอดไป แม้จะสถานการณ์การแพร่รระบาดของโควิด-19 จะจบสิ้นลง