“กูรู” เตือนนักเก็งกำไร “ทอง” 2 ปัจจัยใหญ่ทำราคา “พลิกผัน”

ทองคำแท่ง
REUTERS/Leonhard Foeger/File Photo
คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจ
นงนุช สิงหเดชะ

เศรษฐกิจโลกและสหรัฐที่ย่ำแย่อย่างหนักจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ผลักดันราคาทองคำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในสัปดาห์ที่แล้วทะยานขึ้นเหนือ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นครั้งแรก เป็นราคาสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับจากเดือนกันยายนปี 2011 กระทั่งทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าภายใน 2-3 ปี ราคาทองอาจพุ่งขึ้นไปแตะ 3,000 หรือ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ไม่ยาก

“แฟรงก์ โฮล์มส์” ซีอีโอของโกลบอล อินเวสเตอร์ บอกว่าค่อนข้างง่ายที่ราคาทองจะไปแตะ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในอีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อดูจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าบรรดาธนาคารกลางของกลุ่มประเทศจี-20 จะร่วมมือกันพิมพ์เงินนับล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเพื่อโอบอุ้มเศรษฐกิจ

“เราไม่เคยเห็นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมากในระดับนี้มาก่อน โดยที่อัตราดอกเบี้ยก็ใกล้ศูนย์อีกด้วย ดังนั้นทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่ดึงดูดใจมาก ๆ”

“หยาง-ยู หม่า” หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนบีเอ็มโอ เวลท์ แมเนจเมนต์ ชี้ว่าขณะนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่สนับสนุนให้ราคาทองพุ่งขึ้นอย่างคึกคัก แต่ก็ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเรารู้ว่ามี 2 เหตุการณ์ใหญ่รออยู่ข้างหน้า ที่อาจจะเปลี่ยนทิศทางของราคาทองคำ ได้แก่ พัฒนาการเรื่องวัคซีนรักษาโควิด-19 และการเลือกตั้งสหรัฐ

เขาระบุว่า วัคซีนมีศักยภาพอย่างเป็นพิเศษที่จะเปลี่ยนปัจจัยบวกในขณะนี้ที่มีต่อราคาทองคำ หากผลิตวัคซีนสำเร็จและสามารถใช้งานได้ จะทำให้ความคาดหวังต่อเศรษฐกิจดีขึ้น ปัจจัยที่จะหนุนส่งทองคำก็จะน้อยลง ส่วนการเลือกตั้งสหรัฐที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าผลจะออกมาอย่างไร ราคาทองคำน่าจะมีปฏิกิริยาสอดคล้องตามนั้น

บริษัทวิจัย Third Bridge Group ชี้ว่าราคาทองคำอาจหล่นลงไปต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ หลังการเลือกตั้งสหรัฐ ก่อนจะพุ่งขึ้นอีกครั้งในปีหน้า ในขณะที่นักวิเคราะห์ของบริษัทให้บริการข้อมูลตลาดเงินรีฟินิทีฟ ประเมินว่าพัฒนาการทางการเมืองของสหรัฐอาจสร้างความยุ่งเหยิงให้กับตลาดเงิน และทำให้ราคาทองคำคึกคัก เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ออกมาส่งสัญญาณว่าต้องการเลื่อนเลือกตั้งออกไป โดยอ้างว่าการเลือกตั้งทางไปรษณีย์เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อไวรัสจะทำให้เกิดการโกงเลือกตั้ง หลังจากโพลล่าสุดพบว่าเขาตามหลัง “โจ ไบเดิน” จากพรรคเดโมแครต ในระดับเลขสองหลัก ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลมากขึ้นว่าทรัมป์อาจหาทางเลื่อนออกไป

ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 หลังจากทรัมป์เอาชนะ “ฮิลลารี คลินตัน” แบบพลิกล็อก ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำ ส่งผลให้ราคาปรับขึ้นเกือบ 5% นับจากสหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ได้ส่งผลรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมา จีดีพีหดตัวมากถึง 32.9% สูงที่สุด ในรอบ 200 ปี สภาพดังกล่าวทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า มีผลให้นักลงทุนหันเข้าหาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปรับลงอย่างรุนแรงมากกว่า 5% ไปอยู่ที่ 1,927.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากราคาเมื่อวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม ที่พุ่งขึ้นแตะ 2,089.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นับเป็นการปรับลงต่อวันมากที่สุดในรอบ 7 ปี และในช่วงเช้าวันที่ 12 สิงหาคม ราคาปรับลงอีกไปอยู่ที่ 1,876.32 ดอลลาร์ เนื่องจากมีข่าวเชิงบวก ทั้งการที่ดัชนีผู้ผลิตของสหรัฐดีกว่าคาด จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสลดลง รวมทั้งกรณีรัสเซียประกาศว่าพร้อมนำวัคซีนมาใช้รักษาแล้ว


อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ไม่เชื่อว่าการปรับฐานในวันดังกล่าวเป็นสัญญาณพลิกกลับของราคาทองคำ โดยเชื่อว่าความต้องการโลหะมีค่าจะยังเกิดขึ้นต่อไป เพราะทิศทางดอลลาร์จะยังอ่อนค่าและผลตอบแทนพันธบัตรจะยังต่ำ