สิงคโปร์ เพิ่มเงินโบนัสกระตุ้นประชาชนมีลูกช่วงโควิด

สามีลูบท้องภรรยาชาวสิงคโปร์
ที่มาภาพ: Baby Bonus Online/Singapore Government

รัฐบาลสิงคโปร์กระตุ้นให้ประชาชนมีลูกในช่วงโควิด-19 ระบาด ด้วยการเพิ่มโครงการจ่ายโบนัสเพิ่มขึ้นให้กับประชาชนที่มีลูก

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายเฮง สวี เกียต (Heng Swee Keat) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสิงคโปร กล่าวเมื่อวันจันทร์ (5 ต.ค. 2563) ว่า ไวรัสโคโรนาทำให้คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่เลื่อนแผนการมีลูกของออกไป เพราะมีความเครียดทางการเงิน เนื่องจากรายได้ลดน้อยลง และบางคนตกงานเพราะบริษัทลดต้นทุนการจ้างคน

ดังนั้นรัฐบาลจึงมีแผนจะเพิ่มเงินโบนัสเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีลูกมากขึ้น

ขณะที่สิงคโปร์มีปัญหาอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก และปีนี้มีอัตราการเกิดต่ำสุดในรอบ 8 ปี ซึ่งอัตราการเกิดในปี 2018 คือ 1.14 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน

โดยที่ผ่านมารัฐบาลพยายามส่งเสริมให้คนในประเทศมีลูกด้วยการจ่ายเงินให้ประชาชนมาหลายทศวรรษ ซึ่งปัจจุบันมีการจ่ายเงินโบนัสให้ประชาชนที่มีบุตรสูงถึง 10,000 เหรียญสิงคโปร์ (7,330 เหรียญสหรัฐฯ) อย่างไรก็ตามรายละเอียดจำนวนเงินและรูปแบบการจ่ายเงินของโครงการใหม่ในการกระตุ้นให้ประชาชนยังไม่มีเปิดเผยออกมา

ทั้งนี้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำของสิงคโปร์ ตรงกันข้ามกับเพื่อนบ้านอย่าง อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่ง 2 ประเทศนี้กำลังเผชิญกับปัญหาการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงล็อคดาวน์ โดยกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (United Nations Population Fund – UNFPA) คาดการณ์ว่า หากมาตรการการล็อคดาวน์ในฟิลิปปินส์มียาวไปถึงสิ้นปีนี้ จะทำให้มีการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจเพิ่มขึ้นเกือบ 50% หรือจำนวน 2.6 ล้านคน

ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีประชากรมากเป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี 108.4 ล้านคน และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเลวร้ายที่สุดในภูมิภาค เพราะมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 307,000 คน

ลิซ่า ฮอนติเวรอส (Risa Hontiveros) หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านสตรี กล่าวว่า ปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจในฟิลิปปินส์ได้ถูกมองข้ามในช่วงที่ประเทศมีปัญหาการระบาดของไวรัส แต่ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะผลักกันเรื่องนี้มาพูดคุยแก้ไขปัญหา