‘ทรัมป์’ สั่งดองแผนกระตุ้น ‘เฟด’ กังวลหนัก เศรษฐกิจฟื้นช้า

โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งดองแผนกระตุ้น
(Photo by NICHOLAS KAMM / AFP)
ชีพจรเศรษฐกิจโลก
นงนุช สิงหเดชะ

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ทวีตข้อความว่า ได้สั่งให้ตัวแทนของรัฐบาลหยุดเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อรับมือวิกฤตไวรัสโควิด-19 กับพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นฝ่ายค้าน และจะเปิดเจรจาอีกครั้งหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.ผ่านพ้นไปแล้ว ข้อความทวีตของทรัมป์ กล่าวเอาไว้ชัดเจนว่า “ผมมีคำสั่งให้ตัวแทนของผมหยุดเจรจาเรื่องนี้จนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น และทันทีที่ผมชนะเลือกตั้ง เราจะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ทำงานหนักและธุรกิจขนาดเล็ก”

คำสั่งระงับการเจรจากับฝ่ายค้านเกิดขึ้นหลังจาก “สตีเว่น มนูชิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมงกับ “แนนซี เพโลซี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต เกี่ยวกับการแจกเงินรอบใหม่หลายล้านล้านดอลลาร์ให้ชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสไปเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ต.ค. ทั้งที่ 3 วันก่อนหน้าทรัมป์เป็นผู้กระตุ้นให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันโดยเร็วหลังจากค้างเติ่งมานาน เพราะทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับวงเงินที่จะใช้ โดยเดโมแครตเห็นว่าวงเงินที่รัฐบาลเสนอมาน้อยเกินไปไม่เพียงพอที่จะต่อสู้วิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น

ทรัมป์กล่าวหาว่า นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ร้องขอถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ก็เพื่อหวังจะช่วยเหลือรัฐของพรรคเดโมแครตที่มีการบริหารแย่และมีอาชญากรรมสูง ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับโควิด วงเงิน 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลเสนอนั้นถือว่าใจกว้างมากแล้ว แต่เธอไม่ได้เจรจาอย่างจริงใจ ตนจึงปฏิเสธคำร้องขอนั้น

ความหมายของทรัมป์ก็คือ กล่าวหาว่าการที่เดโมแครตขอให้เพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ไม่ได้ขอไปช่วยคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ขอไปช่วยเหลือรัฐที่เป็นฐานเสียงของเดโมแครตที่ไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร ทำให้นางเพโลซี ผิดหวังต่อคำพูดของทรัมป์และออกมาตอบโต้ว่า ทรัมป์ได้แสดงธาตุแท้ออกมา นั่นคือให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นอันดับแรกบนความเสียหายของประเทศ

การสั่งหยุดเจรจาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของทรัมป์ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมากระตุ้นให้สภาคองเกรสผ่านแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยย้ำว่าหากไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างยั่งยืนจากรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างอ่อนแอ และสร้างความทุกข์ยากอย่างไม่จำเป็นให้กับครัวเรือนและธุรกิจอเมริกัน พร้อมกับแนะว่าแทบไม่มีความเสี่ยงอะไร หากรัฐบาลจะใช้วงเงินกระตุ้นให้มากเข้าไว้ในภาวะวิกฤตเช่นนี้

การกระทำของทรัมป์สร้างความงงงวยและช็อกให้กับผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองและธุรกิจ โดยผู้บริหารในวอลล์สตรีตบางรายบอกว่า ไม่มีใครเข้าใจเลยว่าทำไมทรัมป์ทำเช่นนั้น เป็นการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล อีกทั้งจะทำลายโอกาสของเขาในการชนะเลือกตั้ง

นางลอเรตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ชี้ว่าการที่ทรัมป์สั่งยุติเจรจากับฝ่ายค้าน จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้าอย่างมาก และน่าผิดหวังที่ไม่สามารถผ่านแพ็กเกจนี้ออกมาได้ เพราะยังมีครัวเรือนอเมริกันและธุรกิจขนาดเล็กอีกจำนวนมากที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม สมาชิกรีพับลิกันบางคน เช่น ซูซาน คอลลินส์ สมาชิกวุฒิสภารัฐเมน ที่กำลังจะลงสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้ง ระบุว่า การรอหลังเลือกตั้งถึงจะผ่านแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง จึงจะผลักดันให้มีการเจรจาอีกครั้ง โดยเธอและวุฒิสมาชิกอีกหลายคนของรีพับลิกันได้ติดต่อกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เป็นหัวหน้าเจรจาฝ่ายรัฐบาลมาโดยตลอด

และในคืนเดียวกันนั้น ทรัมป์ดูเหมือนเปลี่ยนท่าที เพราะเขาทวีตข้อความกระตุ้นให้สภาคองเกรส รีบผ่านแผนบรรเทาพิษโควิดเป็นรายฉบับ ช่วยเหลือบางภาคธุรกิจไปก่อนแทนแพ็กเกจใหญ่ที่ยังตกลงกันไม่ได้ เช่น การช่วยเหลือเอสเอ็มอี อัดฉีดอุตสาหกรรมการบิน รวมถึงการแจกเงินให้ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ โดยบอกว่าเขาพร้อมจะลงนามอนุมัติ แต่อาจยากที่เดโมแครตจะเห็นด้วยกับการอนุมัติรายฉบับฟ