เหรียญหมา ‘Dogecoin’ คริปโทฯมาแรงสูสีบิตคอยน์

ตลาดสกุลเงินดิจิทัล หรือ “คริปโทเคอร์เรนซี” กลายเป็นกระแสการลงทุนที่ทั่วโลกให้ความสนใจ แต่นอกจากเหรียญ “บิตคอยน์” และ “อีเทอเรียม” ซึ่งเป็นที่รู้จัก ยังมีอีกเหรียญที่กำลังเป็นที่มาแรงอย่างมากคือ “ดอจคอยน์” (Dogecoin)

ข้อมูลจากเว็บไซต์คอยน์มาร์เก็ตแคประบุว่า ตอนนี้มูลค่าของดอจคอยน์ในระบบทั้งหมดอยู่ที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่อันดับ 5 ของคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมด ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 6,000%

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า “ดอจคอยน์” หรือ “เหรียญหมาชิบะ” คือคริปโทเคอร์เรนซีบนเทคโนโลยีบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ เหมือนเหรียญอื่น ๆ อย่างบิตคอยน์ และอีเทอเรียม ซึ่งตอนนี้มีการซื้อ-ขายตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ แต่ต่างจากบิตคอยน์ตรงที่บิตคอยน์มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านโทเคน แต่ตอนนี้มีดอจคอยน์ที่อยู่ในระบบ 1.29 แสนล้านโทเคน และจะมีเหรียญเซตใหม่ที่เข้าสู่ระบบตลอดเวลา

ทั้งนี้ “ดอจคอยน์” ถูกสร้างขึ้นเมื่อปลายปี 2013 โดยวิศวกรซอฟต์แวร์ชื่อ “บิลลี่ มาร์คัส” ซึ่งเคยเป็นโปรแกรมเมอร์ให้กับบริษัทไอบีเอ็ม และ “แจ็กสัน พาล์เมอร์” ซึ่งเคยทำงานให้บริษัทอะโดบี

ทั้งสองต้องการสร้างคริปโทเคอร์เรนซีทางเลือกนอกจากบิตคอยน์ซึ่งตอนนั้นยังมีนักลงทุนกลุ่มน้อยที่สนใจสกุลเงินดิจิทัล โดยมีจุดประสงค์สร้างขึ้นมาเป็นมุขตลก ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้มากกว่าบิตคอยน์

ชื่อ “ดอจคอยน์” มาจากภาพล้อเลียนมีม (Meme) รูปสุนัขพันธุ์ชิบะอินุ มองด้วยหางตา ซึ่งตอนนั้นเป็นมีมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และได้เลือกใช้รูปหมาชิบะนี้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของคริปโทเคอร์เรนซีดังกล่าว

รายงานข่าวระบุ สาเหตุที่มูลค่าของดอจคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากคนดังจำนวนมาก โดยเฉพาะ “อีลอน มัสก์” ซีอีโอของ “เทสลา อิงก์” โดยเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา มัสก์โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 50 ล้านคนว่า “Doge Barking at the moon” พร้อมกับโพสต์รูปประกอบซึ่งเป็นงานศิลปะที่ใช้ชื่อนี้ โดยมัสก์ต้องการที่จะสื่อว่า อยากให้มูลค่าของดอจคอยน์พุ่งกระฉูด “ไปถึงดวงจันทร์” ซึ่งหลังจากทวีตนี้ออกไป มูลค่าดอจคอยน์ก็เพิ่มขึ้นถึง 400% ภายใน 1 วัน และทำให้แอปพลิเคชั่นเทรดดิ้งชื่อดัง “โรบินฮูด” พังไปชั่วขณะ

และนอกจากมัสก์แล้ว คนดังจากทุกอุตสาหกรรมตั้งแต่ “มาร์ค คิวบัน” นักธุรกิจชั้นนำของโลก “กาย ฟิเอรี” เชฟชื่อดัง ไปจนถึงแรปเปอร์ “สนูป ด็อกก์” และคนดังอีกมากมาย ออกมาโพสต์ข้อความและรูปภาพต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดีย เพื่อสนับสนุนดอจคอยน์เช่นกัน

อีกปัจจัยที่ทำให้มูลค่าดอจคอยน์พุ่งขึ้นสูงอย่างมาก มาจากการสนับสนุนนักลงทุนรายย่อยบนโซเชียลมีเดีย อย่างกลุ่มแชต “ซาโตชิสตรีทเบตส์” (SatoshiStreetBets) บนแพลตฟอร์ม “เรดดิต” ซึ่งเป็นกลุ่มที่คอยปั่นราคาคริปโทเคอร์เรนซี ทำให้ราคาดอจคอยน์พุ่งสูงขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี

“อุสมาน โชฮาน” นักเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่า “ดอจคอยน์” ไม่ได้เป็นเพียงแค่คริปโทเคอร์เรนซีทางเลือก แต่พิเศษตรงที่มีผู้คนคอยสนับสนุนเหรียญนี้อยู่ตลอด และมี “คอมมิวนิตี้” คอยหนุนอยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้ มูลค่าของดอจคอยน์ที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้หลายคนเป็นกังวลว่ากำลังจะเกิดปรากฏการณ์ “ฟองสบู่แตก” หรือไม่ “เดวิด คิมเบอร์ลี่” นักวิเคราะห์จากแอปพลิเคชั่นฟรีเทรดกล่าวว่า คนที่ลงทุนซื้อดอจคอยน์ไม่ได้มองว่ามีค่าด้วยซ้ำ แค่รอให้คนอื่นเข้ามาซื้อเพิ่มเพื่อทำให้มูลค่าสูงขึ้นก่อนที่จะขายทิ้งไป

และระบุด้วยว่า หากทุกคนยังมีการกระทำแบบนี้ ฟองสบู่จะแตก และผู้คนที่ยังถือดอจคอยน์อยู่จะเหลือแค่ “เศษเงิน” โดยไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร เพราะเหรียญส่วนใหญ่ก็อยู่ในมือกลุ่มคนไม่มาก หากกลุ่มคนเหล่านั้นนัดกันเทขายเมื่อไร มูลค่าก็จะลดฮวบทันที