ปัญหาขาด “ชิป” ลากยาว ทุบกำลังผลิตรถวูบ 4 ล้านคัน

ภาวะขาดแคลน “เซมิคอนดักเตอร์” หรือชิป ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์ ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ต่อไป “อลิกซ์ พาร์ตเนอร์ส” บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการ ระบุว่า สำหรับปีนี้ปัญหาดังกล่าวจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จะต้องลดการผลิตรถลงถึง 3.9 ล้านคัน และสูญเสียโอกาสทางรายได้สูงถึง 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า “โตโยต้า มอเตอร์” ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพพลายชิ้นส่วนโดยเฉพาะชิป ทำให้ในเดือน ก.ย.นี้บริษัทตัดสินใจปิดโรงงานในประเทศญี่ปุ่นถึง 14 แห่ง ซึ่งทำให้การผลิตภายในประเทศลดลงถึง 40% รวมทั้งมีการปิดฐานการผลิตในหลายประเทศทั่วโลก โดยกำลังการผลิตประเทศแถบอเมริกาเหนือมีแนวโน้มที่จะลดลงถึง 40-60%

ขณะเดียวกัน “โฟล์คสวาเกน กรุ๊ป” แถลงการณ์ว่า การระบาดของโควิด-19 ที่เอเชียอย่างที่ประเทศมาเลเซียได้ทำให้ต้องปิดฐานการผลิตชิปหลักของบริษัท ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันทางโฟล์คสวาเกนคาดการณ์ว่าซัพพลายชิปจะยังคงขาดแคลนในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งอาจจะทำให้ต้องมีการปรับเป้าหมายการผลิตในอนาคตได้

ส่วน “เจนเนอรัล มอเตอร์ส” หรือ “จีเอ็ม” ได้ระงับการผลิตบางโรงงานแถบประเทศอเมริกาเหนือ ที่ผลิตรถกระบะขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเภทรถยนต์ที่ขายดีที่สุด รวมถึงยังทำกำไรได้มากที่สุดของบริษัท เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์ซึ่งเกิดมาจากภาวะขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์เช่นเดียวกัน

รวมถึงบริษัท “เทสลา” ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าก็เผชิญกับภาวะขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ถึงระดับที่ตอนนี้รถเทสลาขาดตลาดทุกรุ่น โดยรุ่นธรรมดาจะต้องรอส่งมอบช่วงเดือน พ.ย. ถึง ม.ค.ปีหน้า ส่วนรถยนต์รุ่นแพงขึ้นมาส่วนใหญ่ต้องรอส่งมอบช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ปีหน้า

“อีลอน มัสก์” ซีอีโอเทสลา เคยออกมากล่าวว่า ศักยภาพการผลิตรถยนต์ของบริษัทขึ้นอยู่กับการ “ซัพพลายชิป” และยากที่จะคาดการณ์ว่าปัญหาดังกล่าวจะดำเนินไปในระยะเวลานานแค่ไหน เนื่องจากทางเทสลาไม่สามารถควบคุมปัจจัยดังกล่าวได้เลย พร้อมกับคาดการณ์ว่าสถานการณ์อาจดูดีขึ้น แต่ก็ยังยากที่จะคาดการณ์อะไรได้

ทั้งนี้ “นิโคลา มอเตอร์” ผู้ผลิตรถบรรทุกพลังงานสะอาดรายใหม่ ระบุว่า ภาวะขาดแคลนชิปทำให้บริษัทจากเดิมที่จะสามารถเริ่มส่งมอบรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าและไฮโดรเจน 50-100 คัน ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อทำรายได้ 15-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ปรับคาดการณ์ใหม่ โดยจะลดการส่งมอบรถบรรทุกชนิดนี้เหลือเพียง 25-50 คัน ทางบริษัทระบุว่า ภาวะขาดแคลนชิปและแบตเตอรี่รวมถึงชิ้นส่วนอื่น ๆ อาจจะทำให้ยังไม่สามารถขายรถยนต์ได้เลยด้วยซ้ำ

ขณะที่ค่ายรถญี่ปุ่นอย่าง “ฮอนด้า มอเตอร์” และผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปอย่าง “บีเอ็มดับเบิลยู” และ “เดมเลอร์ เอจี” ออกมาเตือนว่า การผลิตรถมีแนวโน้มที่จะเผชิญปัญหาจากภาวะขาดแคลนชิปในครึ่งปีหลังจากนี้ และอาจจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท ทั้งระบุว่า วิกฤตนี้อาจลากยาวไปจนถึงปีหน้า

รายงานข่าวระบุว่า ภาวะขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์หลังจากนี้จะแตกต่างจากช่วงปลายปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ปัญหามาจากการ “จัดการผิดพลาด” ของผู้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากช่วงโควิด-19 เพิ่งเริ่มระบาด เมื่อต้นปีที่แล้ว ผู้คนตกงานเป็นจำนวนมาก นำมาสู่ยอดขายรถยนต์ที่ลดฮวบ ซึ่งทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ตัดสินใจลดออร์เดอร์ซัพพลายชิ้นส่วน รวมถึงชิป หลังจากคาดการณ์ว่าแนวโน้มความต้องการรถยนต์ใหม่จะลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ความต้องการของรถยนต์กลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ผู้ผลิตรถยนต์มีซัพพลาย “ชิป” ไม่เพียงพอ ขณะที่ผู้ผลิตชิป ก็ส่งซัพพลายไปยังผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่างคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ไปจนถึงเครื่องเล่นวิดีโอเกม ซึ่งมีความต้องการที่พุ่งกระฉูด ช่วงที่ล็อกดาวน์จากโควิด-19

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายคาดการณ์ว่า ปัญหาการจัดการซัพพลายชิปจะเริ่มคลี่คลายช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่สถานการณ์กลับแย่ลง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประชาชน ยังได้ฉีดวัคซีนน้อย โดยเฉพาะที่ประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นซัพพลายเออร์หลักของโลกในการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ให้กับผู้ผลิตรถยนต์

และสำหรับผู้บริโภค ภาวะขาดแคลน เซมิคอนดักเตอร์ซึ่งแนวโน้มยังไม่ดีขึ้น ซึ่งจะยังคงทำให้ราคาขายของรถยนต์ ทั้งรถใหม่ และรถมือสองยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ท่ามกลางความต้องการรถยนต์ทั่วโลกที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ