อังกฤษถอด “ไทย” พ้นกลุ่มประเทศบัญชีแดง มีผล 11 ต.ค.

ไทยแลนด์
Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP

อังกฤษ ถอด ไทย พ้นกลุ่มประเทศบัญชีแดง เดินทางเข้าพื้นที่ไม่ต้องกักตัว 10 วัน มีผล 11 ต.ค.

วันที่ 8 ตุลาคม 2564 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ทวีตข้อความระบุว่า ประเทศไทยได้ถูกถอดออกจากรายชื่อประเทศในบัญชีแดงของอังกฤษ มีผลตั้งแต่เวลา 00.40 น. ของวันที่ 11 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป

ในเวลาต่อมา นายธานี เปิดเผยว่าสหราชอาณาจักร ได้พิจารณาปรับประเทศไทยออกจากประเทศกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มประเทศสีแดง (Red List) แล้ว จะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอนว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 รัฐบาลสหราชอาณาจักร ได้ประกาศผลการพิจารณาทบทวนรายชื่อประเทศและพื้นที่ที่พบการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และความเสี่ยงในการเดินทางรอบล่าสุด โดยปรับให้ไทย และอีกหลายประเทศรวมทั้งประเทศอาเซียน ออกจากกลุ่มประเทศ Red List และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2564 เวลา 04.00 น. (เวลาท้องถิ่นของสหราชอาณาจักร)

ในการปรับเปลี่ยนรายชื่อประเทศครั้งนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักร ได้มีการปรับปรุงข้อกำหนดใหม่ โดยเหลือการกำหนดประเทศและพื้นที่เสี่ยงเพียง 2 กลุ่ม คือกลุ่ม Red List ซึ่งเหลือเพียง 7 แห่ง และกลุ่ม Non-Red List ซึ่งรวมถึงประเทศไทย

การปรับข้อกำหนดดังกล่าว ทำให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าสหราชอาณาจักร จากประเทศในกลุ่ม Non-Red List ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วจากประเทศ และวัคซีนที่สหราชอาณาจักรรับรอง จะไม่ต้องตรวจหาเชื้อแบบ PCR ก่อนเดินทาง และไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงสหราชอาณาจักร โดยจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อแบบ PCR ในวันที่ 2 เมื่อเดินทางถึงสหราชอาณาจักรเท่านั้น

รัฐบาลสหราชอาณาจักร ยังประกาศรับรองการฉีดวัคซีนจากประเทศไทยเพิ่มเติมด้วย โดยครอบคลุมถึงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน (vaccine certificate) ของไทย โดยมีวัคซีน 4 ชนิด ที่ให้การรับรอง ได้แก่ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ J&J “โดยไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับแหล่งผลิตวัคซีน” ทำให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทยครบจำนวนแล้ว สามารถเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรได้

ส่วนผู้เดินทางจากประเทศไทย ที่รับวัคซีนชนิดอื่น (เช่น Sinovac และ Sinopharm) หรือยังไม่ได้รับวัคซีน ยังต้องมีผลการตรวจหาเชื้อแบบ PCR ก่อนเดินทาง และเข้ารับการกักตัวที่บ้านพักเมื่อเดินทางถึงอีก 10 วัน

การพิจารณาปรับไทยออกจากกลุ่มประเทศ Red List ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลสำเร็จจากความพยายามของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการผลักดันร่วมกันและประสานงานกับฝ่ายสหราชอาณาจักรอย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้การเดินทางจากไทยมีความสะดวกยิ่งขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรมายังไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีอีกด้วย

ลดรายชื่อในบัญชีแดง เหลือเพียง 7 จาก 54 ประเทศ

ทั้งนี้ อังกฤษได้ปรับรายชื่อประเทศที่อยู่ในบัญชีแดงจาก 54 ประเทศ ลงเหลือ 7 ประเทศ โดยหนึ่งในนั้นรวมถึงประเทศไทย ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่เดินทางจากประเทศไทยเข้าไปยังอังกฤษจะไม่ต้องกักตัวเป็นเวลา 10 วัน แต่สำหรับคนที่เดินทางเข้าไปยังอังกฤษก่อนหน้านั้นจะยังคงต้องทำตามข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่อยู่ในบัญชีแดงเช่นเดิม

นายแกรนท์ ชาร์ปปส รัฐมนตรีคมนาคมของอังกฤษระบุว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเริ่มต้นมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 นี้ และเป็นการแสดงก้าวต่อไปในการเปิดประเทศสำหรับการเดินทาง

อย่างไรก็ตาม การปรับรายชื่อประเทศในบัญชีแดงของอังกฤษถูกมองว่าเป็นการกระทำเพื่อช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการบิน และเปิดทางให้ครอบครัวที่ต้องแยกจากกันในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง

โดยประเทศที่อังกฤษยังคงไว้ในบัญชีแดง 7 ประเทศ ประกอบด้วย ปานามา โคลอมเบีย เวเนซุเอลา เปรู เอกวาดอร์ เฮติ และสาธารณรัฐโดมินิกัน

ฉีดไฟเซอร์-โมเดอร์นา-แอสตร้าเซเนก้า-จอห์นสันฯ 2 โดส ไม่ต้องกักตัวแล้ว

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากบัญชีแดงในครั้งนี้ว่า สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมายังอังกฤษหรือชาวอังกฤษที่ต้องการเดินทางกลับมาประเทศ มีเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศ ดังนี้

เงื่อนไขที่ 1 : ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศ Red List

  • กักตัวแบบ Hotel Quarantine จำนวน 10 วัน มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,250 ปอนด์ต่อคน
  • ตรวจ Pre-Departure COVID Test
  • ตรวจ COVID Day 2 และ Day 8
  • ไม่มีสิทธิใช้ Test to Release Scheme ใน Day 5

เงื่อนไขที่ 2 : ผู้ที่มาจากประเทศอื่น ๆ Rest of the World (ROW) และต้องไม่มีประวัติเดินทางไปยังประเทศ Red List ใน 10 วันก่อนหน้า แบ่งออกเป็น

1. ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว 2 โดส

  • ต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรอง ซึ่งปัจจุบันมี 4 ชนิด ได้แก่ Pfizer, Moderna, AstraZeneca และ Janssen
  • หรือได้รับวัคซีนจากประเทศที่ได้รับการรับรอง เช่น UK, USA, EU, Australia และอื่น ๆ
  • สามารถเป็นวัคซีนผสมได้ แต่ต้องเป็นใน 4 ชนิดที่ผ่านการรับรองเท่านั้น
  • มีเอกสาร Vaccine Certificate ที่ระบุข้อมูลครบถ้วน เป็นภาษาอังกฤษ
  • ไม่ต้องกักตัวใด ๆ
  • ไม่ต้องตรวจ Pre-Departure COVID Test
  • ตรวจ COVID Day 2 เท่านั้น

2. ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือยังได้รับวัคซีนไม่ครบ

  • ต้องกักตัวแบบ Self Isolation ในที่พัก จำนวน 10 วัน
  • ตรวจ Pre-Departure COVID Test
  • ตรวจ COVID Day 2 และ Day 8
  • มีสิทธิใช้ Test to Release Scheme ใน Day 5 (มีค่าใช้จ่าย)

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ได้วัคซีนครบ 2 โดส แต่เป็นวัคซีนชนิดที่ไม่ผ่านการรับรอง ให้ถือปฏิบัติตามเงื่อนไขเดียวกับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

การประกาศในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบิน ทั้งยังเป็นการประกาศใช้กับทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือด้วย