ศาลมาเลเซียมีคำตัดสินยืนลงโทษอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ฐานความผิดฟอกเงิน-ใช้อำนาจมิชอบกรณีฉาวกองทุนพัฒนารัฐ
วันที่ 8 ธันวาคม 2564 สำนักข่าวเดอะสตาร์ของมาเลเซียรายงานว่า ศาลอุทธรณ์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้มีคำพิพากษายืนตามคำตัดสินลงโทษของศาลสูงในความผิดต่อนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานมีส่วนร่วมกรณีฉ้อโกงและใช้อำนาจโดยมิชอบต่อกองทุนการพัฒนารัฐ หรือ 1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮาด (1MDB)
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- แจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท จุลพันธ์ชงบอร์ดชุดใหญ่ 27 มี.ค.นี้
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้วศาลไฮคอร์ตได้มีคำพิพากษาให้อดีตนายกฯมาเลย์ วัย 68 ปี รับโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี พร้อมชำระค่าเสียหาย 210 ล้านริงกิต หรือราว 1,600 ล้านบาท จากความผิดใน 7 ข้อหา แบ่งออกเป็น ความผิดการละเมิดอำนาจ 3 ข้อหา ความผิดฐานฟอกเงิน 3 ข้อหา และใช้อำนาจโดยมิชอบ 1 ข้อหา
คาริม อับดุล จาลิล ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เห็นด้วยต่อคำพิพากษาศาลสูงในความผิดรวมถึงบทลงโทษ โดยระบุว่า “จากหลักฐานซึ่งเป็นที่ประจักษ์ ศาลปฏิเสธการพิจารณาบทลงโทษในความผิดทั้ง 7 ข้อหา ทั้งยืนยันให้มีการลงโทษความคำตัดสินเดิม”
หลังศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินดังกล่าว ซาฟี อับดุลเลาะห์ ทนายของอดีตนายกฯมาเลย์ ได้ระบุว่า นายนาจิบเตรียมทำการยื่นเรื่องพิจารณาคำตัดสินอีกครั้งต่อศาลรัฐบาลกลาง ซึ่งถือเป็นศาลสูงสุดของมาเลเซีย ก่อนหน้านี้หลังมีคำตัดสินของศาลสูง นายนาจิบปฏิเสธข้อกล่าวหาในความผิดทั้งหมด ทั้งยื่นเรื่องไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อให้พิจารณาคำตัดสินอีกครั้ง โดยขณะนี้เขายังคงเป็นอิสระภายใต้การประกันตัวระหว่างการสู้คดี
ซาฟี อับดุลเลาะห์ หนึ่งในทีมกฎหมายของนาจิบนั้นได้กล่าวต่อศาลว่า นายนาจิบนั้นจะทำการยื่นเรื่องพิจารณาคำตัดสินอีกครั้ง ไปยังศาลรัฐบาลกลาง ที่ถือว่าศาลสูงสุดของประเทศมาเลเซีย
อย่างไรก็ คำตัดสินในข้างต้นเป็นเพียงคดีแรก จากทั้ง 5 คดีเกี่ยวกับกองทุนฉาว รวมทั้งสิ้น 42 คำฟ้องที่อัยการมาเลย์สั่งฟ้องเอาผิดอดีตนายกฯ จากโครงการวันเอ็นดีบี ซึ่งเป็นมหากาพย์การคอร์รัปชันทางการเงินครั้งใหญ่สุดของโลกที่พัวพันทั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไปจนถึงเอกชน