อนามัยโลกไม่หนุนล็อกดาวน์ หวั่นผลกระทบทางเศรษฐกิจและสภาพจิตใจ ชี้วัคซีนสำคัญที่สุดหากต้องการหยุดโอไมครอน
วันที่ 21 ธันวาคม 2564 สกายนิวส์รายงานว่า แพทย์หญิงมาร์กาเร็ต แฮร์ริส หัวหน้าแพทย์ฝ่ายสาธารณสุขประจำองค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนที่หลายประเทศเริ่มใช้มาตรการควบคุมที่แตกต่างกันออกไปนั้น องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับการเข้าถึงวัคซีนเป็นอันดับแรก โดยมองว่ามาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดเพื่อคุมโอไมครอนนั้นไม่ได้ช่วยให้การแพร่ระบาดยุติลงได้
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
ดร.แฮร์ริสมองว่า ผลกระทบด้านสุขภาพจิตจากการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดนั้น ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อปัญหาสุขภาจิตที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงการระบาดนี้ ขณะเดียวกันประเทศที่ใช้การล็อกดาวน์คุมเข้ม ควรหาการสนับสนุนเพิ่มเติมแก่ผู้คนเพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานทางจิตใจที่จะเกิดขึ้น
“เราไม่ต้องการเห็นการล็อกดาวน์ใหญ่ เพราะนอกจากผลกระทบทางเศรษฐกิจอันมหาศาลแล้ว ยังมีผลกระทบทางสังคมอย่างรุนแรงโดยเฉพาะต่อสุขภาพจิต อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างเลวร้ายลงถึงจุดที่ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล รัฐบาลบางประเทศอาจต้องใช้วิธีการนี้อย่างไม่มีทางเลือก”
ท่าทีของแพทย์หญิงแฮร์ริสมีขึ้นหลังคำแถลงของนายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกที่กล่าวถึงสถานการณ์โอไมครอนว่า “หากต้องยกเลิกกิจกรรมฉลองขนาดใหญ่ช่วงเทศกาลปีใหม่ในวันนี้ยังดีกว่าต้องเสียใจภายหลัง” ดร.ทีโดรสยังกล่าวว่า การระบาดใหญ่จะสิ้นสุดลงในปี 2565 หากประชากร 70% ของทุกประเทศทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนภายในกลางปีหน้า
อย่างไรก็ตาม อนามัยโลกยังคงยืนยันถึงความสำคัญของวัคซีนว่า วัคซีนสามารถปกป้องชีวิตของผู้คนได้อย่างแท้จริง รวมถึงประชากรกลุ่มเปราะบาง จากการติดเชื้ออาการหนัก และการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด ทั้งสายพันธุ์โอไมครอน และสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ระบาดก่อนหน้านี้