ฮ่องกง ปลดแบนเที่ยวบินจาก 9 ประเทศ รวมถึงลดระดับมาตรการโควิด หลังประชากรออกจากเมือง 65,000 คน
วันที่ 22 มีนาคม 2565 วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า ฮ่องกง จะยกเลิกการสั่งห้ามเที่ยวบินเข้าประเทศ อีก 9 แห่ง รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย พร้อมกันนี้ยังลดมาตรการกักตัวสำหรับผู้อยู่อาศัยที่เดินทางกลับ เป็น 7 วัน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
มาตรการดังกล่าวนับเป็นการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ครั้งแรกในรอบหลายเดือน เนื่องจากฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินล้มเหลวภายใต้เงานโยบายโควิดเป็นศูนย์
โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวตอกย้ำถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นสำหรับรัฐบาลฮ่องกง เพราะนโยบายนี้ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการเปิดพรมแดนกับจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากมีบริษัทและผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่ละทิ้งฮ่องกง โดยอ้างข้อจำกัดด้านการควบคุมโรคระบาด
คำสั่งของรัฐบาลฮ่องกงจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป โดยเที่ยวบินจาก 9 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และฟิลิปปินส์ จะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ นับตั้งแต่ถูกห้ามในเดือนมกราคมหลังจากตรวจพบเชื้อโอมิครอนเป็นครั้งแรก แต่อัตราการติดเชื้อโควิดและการเสียชีวิตในฮ่องกงตอนนี้สูงกว่า 9 ประเทศเหล่านั้นแล้ว
มีเพียงผู้อยู่อาศัยที่ได้รับวัคซีนครบแล้วเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีนแผ่นดินใหญ่จะต้องกักตัวในห้องพักของโรงแรม 7 วัน จากเดิม 14 วัน
มาตรการดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญครั้งแรกในการเปิดพรมแดนของฮ่องกงอีกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกปิดไปตั้งแต่เริ่มระบาดเมื่อสองปีก่อน และเกิดขึ้นในขณะที่สถานการณ์กำลังแย่ลงด้วยการติดเชื้อและการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
มีรายงานว่าในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 มี.ค.) มีผู้เสียชีวิต 5,600 ราย แซงหน้าอู่ฮั่นในจีนที่เป็นศูนย์กลางไวรัสในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ด้านผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้ยกเลิกการแบนเที่ยวบิน เพราะพวกเขามองว่าไม่สมเหตุสมผลเมื่อความเสี่ยงของนักเดินทางที่เข้ามาแพร่เชื้อไวรัสมีน้อยกว่าผู้ที่อาศัยในเมืองที่มีประชากรหนาแน่นแห่งนี้
นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ส่งผลเสียฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงิน
แคร์รี ลัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฮ่องกง ประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายผ่านการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (21 มี.ค.) ว่า การห้ามเที่ยวบินเข้าประเทศนั้นเป็นเรื่อง “ล้าสมัย”
ลัม ยังกล่าวอีกว่า ความคิดเห็นของประชาชนแสดงให้เห็นว่าข้อกำหนดการกักกันและการขอตรวจผลทดสอบของผู้เดินทางขาเข้านั้นรุนแรงกว่าข้อกำหนดสำหรับคนในท้องถิ่น
“สิ่งนี้สามารถส่งผลกระทบต่อสถานะระหว่างประเทศของฮ่องกง” ลัมกล่าว
นโยบายปลอดโควิดของฮ่องกงนั้นมีข้อจำกัดที่รุนแรง และเริ่มแสดงให้เห็นถึงรอยร้าวที่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบทางอารมณ์และการเงิน กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดได้กระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากหนีออกจากเมือง
ในเดือนกุมภาพันธ์ ประชากรฮ่องกงออกจากเมือง 65,000 คน มีบันทึกการเดินทางออกจากประเทศทุกวันต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบสองเดือน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงสองปีที่ผ่านมา
แผนการโควิดเป็นศูนย์ เริ่มคุมไม่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อวันที่ 11 มีนาคม มีรายงานผู้ป่วยโควิดสูงสุดนับตั้งแต่วันแรกของการระบาด โดยมีผู้ติดเชื้อ 1,100 รายกระจายไปทั่ว 18 จังหวัดและเมืองต่าง ๆ แม้ว่านโยบายปลอดโควิดจะยังไม่เป็นทางการ แต่ผู้เชี่ยวชาญได้ประกาศแผนงานเพื่ออยู่ร่วมกันกับไวรัสในที่สุด
เร่งฉีดวัคซีนในเด็ก-ผู้สูงวัย ตั้งเป้าครบ 3 โดสในเดือน พ.ค.
ลัม กล่าวว่าฮ่องกงจะต้องเปิดใหม่อย่างช้า ๆ โดยเริ่มใน 3 ขั้นตอนตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ขณะที่รัฐบาลกำลังเร่งการฉีดวัคซีนในเด็กและผู้สูงอายุที่อายุเกิน 70 ปี ภายในปลายเดือนพฤษภาคม ผู้อยู่อาศัยจะต้องได้รับวัคซีน 3 โดสเพื่อเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนใหญ่ และร้านอาหาร
ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนซิโนแวคต่างมีจำหน่ายในฮ่องกง
เนื่องจากการระบาดในฮ่องกงครั้งล่าสุดนั้นเลวร้ายมาก รัฐบาลได้ประกาศเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ว่าผู้อาศัยทุกคนจะต้องได้รับการตรวจหาไวรัส 3 ครั้ง ซึ่งคล้ายกับที่กำหนดในเมืองอื่น ๆ ของจีนในช่วงที่มีการระบาดใหญ่
ลัม กล่าวว่าข้อตกลงนี้ควรถูกระงับ เนื่องจากฮ่องกงมีขีดความสามารถไม่เท่าจีนแผ่นดินใหญ่ จึงมุ่งเน้นไปที่ลดการเสียชีวิตและกรณีร้ายแรงแทน
อย่างไรก็ตาม ลัม ปฏิเสธว่าแนวคิดนี้หลุดจากกรอบนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เธอเน้นย้ำว่าต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์กับแผ่นดินใหญ่และโลกภายนอก