รัสเซียสั่งห้ามนายกรัฐมนตรีอังกฤษเข้าประเทศ เหตุต้านสงครามยูเครน

รัสเซียห้ามนายกอังกฤษเข้าประเทศ
Matt Dunham/Pool via REUTERS

รัสเซียสั่งห้ามนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนักการเมืองอีกหลายคนของอังกฤษ เข้าประเทศ หลังอังกฤษแสดงท่าทีต่อต้านสงครามในยูเครน 

วันที่ 16 เมษายน 2565 บีบีซีรายงานว่า รัสเซียได้สั่งห้าม “บอริส จอห์นสัน” นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และรัฐมนตรีอาวุโสคนอื่น ๆ ของอังกฤษ เดินทางเข้าประเทศ เหตุที่อังกฤษแสดงท่าทีต่อต้านสงครามในยูเครน

“ลิซ ทรัส” รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ รวมถึง “เบน วอลเลซ” รัฐมนตรีกลาโหม และนักการเมืองอาวุโสของอังกฤษอีก 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของคณะรัฐมนตรี ต่างถูกห้ามเข้ารัสเซียด้วยเช่นกัน

ทางการรัสเซียระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรของอังกฤษ นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครน

เมื่อเดือนมีนาคม รัสเซียได้สั่งห้าม “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางเข้าประเทศ เช่นกัน

รายชื่อนักการเมืองอังกฤษที่รัสเซียสั่งห้ามเข้าประเทศทั้งหมดมีดังนี้

  • บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี
  • ลิซ ทรัส รัฐมนตรีต่างประเทศ
  • เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหม
  • โดมินิก ราบ รองนายกรัฐมนตรี อธิบดีศาลสูงสุด และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม
  • แกรนต์ ชาปป์ส รัฐมนตรีคมนาคม
  • พริทที พาเทล รัฐมนตรีมหาดไทย
  • ริชี สุนัก รัฐมนตรีคลัง
  • ควาสี ควาร์เต็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงผู้ประกอบการ พลังงาน และยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม
  • นาดีน ดอร์รียส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อและกีฬา
  • เจมส์ เฮปปีย์ รัฐมนตรีทบวงทหารบก
  • นิโคลา สเตอร์เจียน มุขมนตรีแห่งสกอตแลนด์
  • ซูเอลลา บราเวอร์แมน อัยการสูงสุดอังกฤษ
  • เทเรซ่า เมย์ ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยม และอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

ในแถลงการณ์กระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุว่า ข้อมูลที่ไร้การควบคุมและการรณรงค์ทางการเมืองของอังกฤษ ที่มุ่งเป้าโดดเดี่ยวรัสเซียออกจากนานาประเทศ รวมถึงสร้างเงื่อนไขในการควบคุมและกดดันเศรษฐกิจของรัสเซีย จะต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจนี้

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า จุดสำคัญคือผู้นำอังกฤษจงใจซ้ำเติมให้สถานการณ์รอบยูเครนแย่ลง สนับสนุนระบอบการปกครองของเคียฟด้วยอาวุธร้ายแรง และประสานความพยายามที่คล้ายกันนี้ในส่วนของนาโต้

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษและสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม

มาตรการคว่ำบาตรรอบนี้ ยังรวมถึงมาตรการทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจรัสเซีย และลงโทษประธานาธิบดีปูติน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงและประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากการปกครองของเขา