ซัดกันเดือดต่อเนื่อง จีน-สหรัฐ รวมถึงล่าสุดนี้เวทีกลุ่มจี 20 รัฐมนตรีต่างประเทศของสองชาติยักษ์ เจรจากันต่อหน้า ด้วยประเด็นความขัดแย้งอันซับซ้อนที่มี รัสเซีย เข้ามาแทรกให้วุ่นขึ้นไปอีก
วันที่ 9 กรกฎาคม 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า การพบปะกันระหว่าง นายแอนโธนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กับ นายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศจีน ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เต็มไปด้วยประเด็นร้อนตามคาด หลังตัวแทนรัฐบาลทั้งสองฝ่ายเพิ่งแถลงโจมตีกันอย่างดุเดือด
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
นายบลิงเคนกล่าวกับนายหวังอี้ ว่าการสนับสนุนสงครามของรัสเซียในยูเครนทำให้ความสัมพันธ์ สหรัฐ-จีน ซับซ้อนขึ้นไปอีก จากเดิมที่มีข้อขัดแย้งในประเด็นอื่น ๆ อยู่แล้ว
ด้านนายหวัง อี้ กล่าวตำหนิสหรัฐ ว่าเป็นฝ่ายทำให้ความสัมพันธ์ย่ำแย่ลง และว่าตำหนิด้วยว่า นโยบายของสหรัฐ มีสภาพตกรางเพราะการรับรู้มาผิด ๆ ว่าจีนเป็นภัยคุกคาม
“มีหลายคนชื่อว่า สหรัฐอเมริกากำลังทุรนทุรายด้วยอาการหวาดผวาจีน ถ้ายังปล่อยให้อาการนั้นขยายออกไป นโยบายสหรัฐที่มีต่อจีนจะไปถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้ และเป็นทางตัน” นายหวังอี้กล่าว
การพบปะระหว่างคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสองฝ่ายครั้งนี้กินเวลานานถึง 5 ชั่วโมง เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกนับจากเดือนตุลาคมปีก่อน นายบลิงเคนกล่าวว่า วิตกมากกับจุดยืนของจีนที่มีต่อรัสเซียในยูเครน และไม่เชื่อตามที่จีนประท้วงว่า จีนมีจุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งยี้
“เรากังวลถึงการเป็นแนวร่วมของสาธารณรัฐประชาชนจีนกับรัสเซีย เป็นเรื่องยากที่จะวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งแบบนี้ เพราะเห็นชัดเจนถึงฝ่ายที่ก้าวร้าว ผมไม่เขื่อว่า จีนแสดงออกตามวิถีที่เป็นกลางได้” นายบลิงเคนให้สัมภาษณ์สื่อ หลังเสร็จสิ้นการประชุม
ก่อนหน้านี้ ทีมงานรัฐบาลสหรัฐหวังให้จีนแสดงท่าทีเดียวกันกับสหรัฐ ในศึกรัสเซีย-ยูเครน แต่สุดท้ายจีนก็ไม่ทำ และเลือกที่จะใช้จุดยืนแบบผสม ซึ่งทำลายระเบียบกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ
แม้ว่า นายบลิงเคนเชื่อว่า รัสเซียถูกโดดเดี่ยวและแยกตัวระหว่างการประชุมจี-20 ครั้งนี้ เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ต่อต้านสงครามในยูเครน แต่สุดท้ายการประชุมเวทีรัฐมนตรีต่างประเทศเวทีนี้ก็ไม่อาจร่วมกันแสดงความเป็นเอกภาพที่จะเรียกร้องให้ยุติศึกนี้ได้
เอฟบีไอ-เอ็มไอไฟว์ซัดจีนก่อน
ความไม่ลงรอยระหว่าง จีน-สหรัฐ ที่โยงศึกรัสเซีย ครั้งนี้ เดือดต่อเนื่องมาจากกรณีสำนักงานสืบสวนกลางหรือ เอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐ พร้อมด้วย หน่วยข่าวกรอเอ็มไอไฟว์ (MI5) ของอังกฤษ แถลงร่วมกัน เตือนภัยคุกคามจากจีน โดยเฉพาะการขโมยเทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้แข่งขันกับตะวันตก
คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ ประณามว่าจีนจารกรรมและแฮ็กข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป ทั้งระบุชัดว่า รัฐบาลจีนเป็นภัยคุกคามใหญ่ที่สุดในระยะยาวต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ และสหรัฐฯ กับอังกฤษ รวมทั้งพันธมิตรในนยุโรปและชาติอื่น ๆ
เคน แมคคอลลัม ผู้อำนวยการเอ็มไอไฟว์ กล่าวว่ารัฐบาลจีนและแรงกดดันที่ซ่อนอยู่ทั่วโลกเป็นความท้าทายที่สุดที่เผชิญอยู่
จีนสวนกลับเลิกคิดร้าย-พูดเท็จ
กรณีนี้ ทำให้นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดแถลงตอบโต้ ว่านักการเมืองสหรัฐโจมตีจีนให้เสื่อมเสีย ความจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สหรัฐเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของโลก
นายจ้าวยังกล่าวเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สหรัฐ มีมุมมองที่ถูกต้อง เห็นถึงวัตถุประสงค์และความสมเหตุสมผลในการพัฒนาของจีน รวมทั้ง หยุดพูดเท็จและคำพูดที่ไร้ความรับผิดชอบ รวมถึงผู้อำนวยการเอ็มไอไฟว์ควรเลิกคิดร้าย ออกจากห้องมืดและมองเห็นแสงสว่าง ไม่คิดเอาแต่ผลประโยชน์และคิดที่จะเป็นศัตรูในจินตนาการ