รานิล วิกรามาสิงหะ นายกรัฐมนตรีศรีลังกา แถลงยอมลาออก แต่กลุ่มมวลชนยังฮือบุกเผาบ้าน ต่อเนื่องจากที่บุกทำเนียบบ้านพักประธานาธิบดี เจ็บ 34 ราย อาการหนัก 2 ราย ส่วนประธานาธิบดี ราชปักษา แจ้งยอมลาออกแล้วเช่นกัน แต่จะเป็นทางการวันที่ 13 ก.ค.นี้
วันที่ 9 กรกฎาคม 2565 สำนักข่าวเอพี รายงานว่า นายรานิล วิกรามาสิงหะ นายกรัฐมนตรีศรีลังกา แจ้งเจตจำนงขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว หลังจากผู้นำพรรคของแต่ละพรรคในรัฐสภา เรียกร้องให้เขาและนายโกตาบายา ราชปักษา ประธานาธิบดี ก้าวลงจากตำแหน่ง ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนบุกไปยังบ้านพักประธานาธิบดี และสำนักงานที่อยู่ข้างเคียง
- ทุเรียนทะลักวันละพันตู้ ล้งเบรกซื้อ ฉุดราคาดิ่งเหลือโลละ 135-140 บาท
- เช็กที่นี่ เบี้ยผู้สูงอายุ พฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน
- เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนพฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน เช็กที่นี่
“วันนี้ประเทศของเราเผชิญวิกฤตพลังงาน อาหารขาดแคลน เรามีหัวหน้าโครงการอาหารโลกมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ และเรายังจะต้องเจรจากับไอเอ็มเอฟอีก ดังนั้นเมื่อรัฐบาลชุดนี้ไปแล้ว ก็ควรมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา” นายวิกรามาสิงหะ กล่าว
อย่างไรก็ตามแม้นายกฯ ประกาศลาออกแล้ว แต่เวลาต่อมา มวลชนบุกเผาบ้านนายวิกรามาสิงหะ โดยไม่แน่ชัดว่านายวิกรามาสิงหะอยู่บ้านหรือไม่
#SriLankaProtests | Stand off between anti-government protesters and police intensifies outside Prime Minister Ranil Wickremesinghe’s residence pic.twitter.com/PzeW5Xz391
— NDTV (@ndtv) July 9, 2022
ด้านนายราชปักษาหายตัวจากทำเนียบที่พักประธานาธิบดี ขณะมวลชนลุกฮือประท้วงครั้งใหญ่ที่สุด หลายหมื่นคนต่างแหกด่านและกีดขวางของตำรวจที่พยายามขัดขวางแล้ว แต่ทานไม่ไหว บุกเข้าไปในที่พัก เพื่อระบายความโกรธแค้น เพราะประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่า วิกฤตของประเทศมาถึงจุดนี้เพราะการบริหารผิดพลาดของรัฐบาลที่ทำกันในหมู่เครือญาติตระกูลราชปักษา
คลิปวิดีโอซึ่งถูกถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กเผยให้เห็นผู้ประท้วงหลายร้อยคนบุกเข้าไปด้านในบ้านพักที่มีป้อมปราการแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก บางคนลงไปแช่ตัวและเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ ของประธานาธิบดีอย่างสนุกสนาน ขณะที่ประชาชนอีกจำนวนมากยืนล้อมอยู่ด้านนอก
แหล่งข่าวกลาโหมเผยว่า จังหวะมวลชนบุกที่พักประธานาธิบดี มีเจ้าหน้าที่คุ้มกันนายราชปักษาหนีออกไป และพยายามจะหนีออกนอกประเทศ กระแสข่าวส่วนหนึ่งระบุว่ามุ่งไปยังสนามบิน และอีกกระแสระบุว่า ไปยังท่าเรือ
ขณะเดียวกัน นายราฟฟ์ ฮาคีม ส.ส.ฝ่ายค้าน ได้ทวีตรูปภาพและข้อความผ่านทวิตเตอร์ชี้ให้เห็นว่า หัวหน้าของแต่ละพรรคพบปะหารือ ก่อนขอให้ราชปักษา และนายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห ลาออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งกล่าวว่า มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ประธานรัฐสภาควรเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราวและทำงานเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว
At Speaker’s Residence urgent Party Leader’s meeting. Several other Leaders including PM, AKD and Sumanthiran participated via zoom. Decision to ask both President and PM to resign. Speaker to take over as temporary President according to constitution. pic.twitter.com/RyauaIvCei
— Rauff Hakeem (@Rauff_Hakeem) July 9, 2022
ต่อมาช่วงดึกวันที่ 9 ก.ค. นายมหินทา ยาพา อเบวารเดนา ประธานรัฐสภา ออกโทรทัศน์แจ้งข่าวต่อปีะชาชนว่า นายราชปักษายอมที่จะลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี วันพุธที่ 13 ก.ค.ที่จะถึงนี้
นายราชปักษาทำตามคำขอของกลุ่มนักการเมืองจากพรรคต่าง ๆ ที่จะยอมลาออกจากตำแหน่ง แต่ขออยู่ถึงวันพุธที่ 13 ก.ค. เพิ่งส่งมอบภาระหน้าที่ต่าง ๆ ให้ราบรื่น และมีความจำเป็นต้องส่งมอบอำนาจอย่างสันติ
เจ็บ 34 ราย อาการหนัก 2 ราย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ประจำทำเนียบประธานาธิบดี ได้พยายามหยุดผู้ประท้วงที่ดันข้ามรั้วเพื่อวิ่งข้ามสนามหญ้าและภายในอาคารยุคอาณานิคม มีประชาชนอย่างน้อย 34 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คนได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและอยู่ในอาการวิกฤต 2 ราย
ทั้งนี้ผู้ประท้วงหลายพันคนเข้ามาในเมืองหลวงจากชานเมือง หลังจากที่ตำรวจยกเลิกเคอร์ฟิวข้ามคืน เนื่องจากขาดแคลนเชื้อเพลิง มีผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมายังเมืองเพื่อประท้วง รวมถึงมีผู้คนบางส่วนใช้จักรยานและเดินเท้าเข้ามา ผู้ประท้วง เรียกร้องให้นายราชปักษาลาออก โดยกล่าวว่าเขาสูญเสียอำนาจหน้าที่ของประชาชน
ขณะที่ นายจูลี่ ชุง เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำศรีลังกา ทวีตข้อความขอให้ประชาชนประท้วงอย่างสงบ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทหารและตำรวจจัดพื้นที่และให้ความปลอดภัยแก่ผู้ประท้วง เพื่อให้เป็นการชุมนุมเป็นไปอย่างสันติ
“ความโกลาหลและกำลังไม่สามารถแก้ไขเศรษฐกิจหรือนำเสถียรภาพทางการเมืองที่ศรีลังกาต้องการได้ในขณะนี้” เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำศรีลังกา กล่าว
เส้นทางความวุ่นวาย สู่รัฐล้มละลาย
บีบีซีรายงานว่า ความวุ่นวายที่ได้นำไปสู่การประท้วง เกิดมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำซึ่งหลายฝ่ายชี้ว่าเลวร้ายที่สุดนับแต่ศรีลังกาได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1948 นั้น มีสาเหตุมาจากปัญหาขาดแคลนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้ศรีลังกาไม่มีเงินนำเข้าสินค้าที่จำเป็นจากต่างประเทศ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาไฟฟ้าดับต่อเนื่องครึ่งค่อนวัน ปัญหาขาดแคลนอาหาร และยารักษาโรค
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และออกมาประท้วงตามท้องถนนทั่วประเทศตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อสัปดาห์ก่อน ทางการได้ระงับการจำหน่ายน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลให้แก่รถที่ไม่จำเป็น เพื่อรักษาปริมาณน้ำมันสำรองไว้ใช้ในกรณีที่จำเป็น ที่ผ่านมา รัฐบาลศรีลังกาพยายามวิ่งเต้นขอซื้อน้ำมันราคาถูกจากหลายประเทศ เช่น รัสเซีย แต่ก็ไม่เป็นผล
แม้รัฐบาลศรีลังกาจะอ้างว่า การขาดแคลนรายได้จากภาคการท่องเที่ยวเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 คือสาเหตุที่ทำให้ประเทศขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ แต่ประชาชนกลับมองว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นผลมาจากการการบริหารประเทศที่ผิดพลาด
โดยเฉพาะการทำงานแบบระบบเครือญาติของพี่น้องตระกูลราชปักษาคือ ประธานาธิบดี โกตาบายา ราชปักษา และอดีตนายกรัฐมนตรี มหินทา ราชปักษา ที่เพิ่งจะลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเผชิญกระแสกดดันอย่างหนักจากประชาชน
นอกจากนี้ เมื่อเดือนก่อน นายวิกรามาสิงหะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเศรษฐกิจของประเทศทรุดตัวลง พร้อมทั้งระบุว่า การเจรจากับ IMF นั้นซับซ้อนเพราะตอนนี้ศรีลังกาเป็นรัฐล้มละลายแล้ว