“ไม่ใช่แจกเงิน” แพ็กเกจเศรษฐกิจ 3.16 แสนล้าน “ประยุทธ์” ให้เรียก “มาตรการคลัง”

“ประยุทธ์” ย้ำความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แสนล้าน เพราะเศรษฐกิจกำลังมีปัญหา ชี้แจกจริงแค่ 4 หมื่นล้าน ที่เหลือเป็นมาตรการภาษี – กรอบเงินกู้ งดตอบปมถวายสัตย์ฯ ยันให้ความสำคัญการตอบกระทู้ แต่งานเยอะ หวังลดแรงกดดัน สั่ง “บิ๊กป้อม” จัดการ “สิระ” ลั่น ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเรื่องการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย หรือ Visa On Arrival (VOA) ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย 15 วัน ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ขยายต่อไปให้ถึงสิ้นเดือน เม.ย. 2563 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือน ต.ค.2562 ซึ่งต้องการสนับสนุนการท่องเที่ยวให้ไปจนถึงช่วงตรุษจีน สงกรานต์ ทั้งนี้ แม้การท่องเที่ยวก็มีส่วนสำคัญ แต่เราก็ต้องการนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ นักท่องเที่ยวที่ไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะหลายคนก็เป็นห่วงว่า มาแล้วไม่กลับจะทำอย่างไร ออกอย่างอื่นไม่ได้ เดี๋ยวก็มีปัญหาอีก เรามีความผันผวนทั้งเศรษฐกิจของโลก ความผันผวนตลาดเงินลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ ฉะนั้นทุกคนต้องมีข้อมูลระมัดระวังให้มากที่สุด

@ แจกเงินไม่ถึง 3 แสน ล.

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใช้คำว่าแจกเงิน แจกยังไง ไม่ได้แจกเงิน แต่เป็นมาตรการทางการเงินการคลัง ของกระทรวงการคลังที่ออกมา โดยการหารือร่วมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายคน ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาภาคเกษตรกร การใช้จ่ายภาคอุปโภคบริโภค เรื่องการท่องเที่ยว และใช้เงินจำนวนน้อย แต่หลายคนไปบอกว่าใช้ 3 แสนล้านบาท จริงๆแล้วใช้เงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือเป็นมาตรการทางภาษี การลดภาษี ชะลอการชำระหนี้ต่างๆ ถ้าคิดรวมเป็นมูลค่า 3 แสนล้านบาทนั้นใช่ แต่ถ้าใครไม่ใช้ ไม่กู้ ก็ไม่ต้องไปเสียเงินตรงนี้ เป็นเรื่องของความร่วมมือระหว่างกัน

@ รอบบ้าน ศก.ตกทุกประเทศ

“เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ เพราะเศรษฐกิจของเรากำลังมีปัญหา เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ รอบบ้านที่เศรษฐกิจตก มันเป็นมาตรการทางการเงินสมัยใหม่ ได้แก่ การใช้เงินกองทุน หรือการจัดตั้งกองทุนใหม่ นี่คือหลักการทางเศรษฐศาสตร์ ที่แก้ปัญหาของทั้งโลกที่ทำแบบนี้อยู่ สำหรับประเทศรอบบ้านที่เศรษฐกิจยังสูงอยู่ แต่ก็ตกลงมาเช่นเดียวกัน คือเวียดนาม เขาก็มีวิธีในการเจรจาซึ่งบางครั้งเราก็เจรจาไม่ได้มากนัก เพราะต้องมีเรื่องต่างตอบแทนด้วย แต่เงินเราน้อย ส่วนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่มีเศรษฐกิจยังสูงอยู่ เขาก็ตกลงมา แต่เศรษฐกิจเขาขึ้นมาเพราะมีการขึ้นภาษี คนก็เอาเงินไปใช้จ่าย เศรษฐกิจมันก็เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

@ หวังมีเงินเข้าระบบ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ต้องไปดูข้อเท็จจริงตรงนี้ อย่างประเทศในกลุ่มยูโรและสหภาพยุโรป เขาก็มีกองทุนสนับสนุนเข้ามาช่วย แต่เราไม่มีอะไร มีแต่เงินของเราเอง นี่คือปัญหาที่เราต้องหารายได้เข้าประเทศ ส่วนอย่างอื่นเราก็ยังแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ที่จะให้มีเงินมากขึ้น เพราะสถานการณ์ยังแย่อยู่ ถึงต้องมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน มีนโยบายช่วยค่าใช้จ่าย เพื่อให้มีการใช้เงินในระบบ

@ ปิดสถานบันเทิงตี 4 แค่ความคิด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการขยายเวลาปิดบริการสถานบันเทิงออกไปถึงเวลา 04.00 น. นั้น ยังเป็นแค่ความคิด ยังไม่มีการนำเสนอข้อมูลที่มาให้ ทั้งนี้ ต้องดูผลดีผลเสียมากน้อยแค่ไหน เพราะการขายเวลาปิดสถานบริการต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังมองต่างมุมเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัย การท่องเที่ยววัยรุ่นเที่ยวเยอะต้องระวัง

@ หวังลดกดดันปมถวายสัตย์

พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายการถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ จะไปตอบเองหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า โนคอมเมนต์ ไม่มีคำตอบ ไม่ตอบแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีเวลาว่าง จะเดินทางไปตอบที่สภาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในวันพุธนี้ มีงานที่ได้วางแผนมาล่วงหน้าแล้ว ว่าจะไปตรวจกำลังพลทางเรือ ที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นงานใหญ่พอสมควร จึงต้องไป แต่เรื่องดังกล่าวนี้เดี๋ยวตนจะดำเนินการเอง ยังไม่รู้และยังไม่ทราบว่าจะไปเมื่อใด และเช้าวันเดียวกันนี้ก็ยังไม่เห็นว่าทางสภาได้รับการตั้งกระทู้หรือรับการอภิปรายดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีการกำหนดมา เพราะการถามกระทู้นั้น จะต้องให้เวลาล่วงหน้า ซึ่งตนไม่ได้มีปัญหาอะไร

ส่วนกรณีที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุวาระการอภิปรายนายกฯตามมาตรา 152 นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ต้องดูก่อน ว่าทำได้หรือไม่ ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้สังคมให้ความสนใจ ซึ่งตนเองก็สนใจ ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ก็มีงานเยอะแยะ ดังนั้น จึงอยากให้อะไรก็ตาม ที่สามารถชะลอไปได้บ้าง หรือลดแรงกดดันไปได้บ้าง ส่วนจะทำได้หรือไม่ ก็ไม่ทราบ

“แต่ต้องเข้าใจว่าอะไรสำคัญ หรือไม่สำคัญ แต่ทั้งหมดมันก็สำคัญทั้งหมด เพียงแต่ต้องจัดระเบียบให้ดีก็แล้วกัน โอเคนะ เรื่องนี้ผมจะไม่ตอบ พอแล้ว“

@ สั่ง “บิ๊กป้อม” จัดการ “สิระ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ตรวจสอบคอนโดในพื้นที่กะรน จ.ภูเก็ต จนมีปากเสียงกับตำรวจในท้องที่ และเกิดเสียงวิจารณ์ในสังคมว่า ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ไปแก้ปัญหาแล้ว ให้ตักเตือนพูดคุยทำความเข้าใจ อาจจะหลุดอะไรไปบ้างบางอย่าง ด้วยความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง การที่ ส.ส.จะไปที่ไหนก็ตาม ถ้าตัวเองคิดว่ามีอันตรายอะไรต่างๆ ก็ทำเรื่องขอไปที่ตำรวจให้มาดูแล เพราะไม่ใช่ภารกิจโดยตรงของตำรวจ ไม่ใช่เป็นกรณีนายกฯ หรือรัฐมนตรีไป นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

@ ไม่ต้องการให้เกิดอีกในอนาคต

“ในเรื่องการตรวจสอบโครงการอาจจะพูดไวไปนิดเรื่องการตรวจสอบ แต่ก็เป็นการดีไปช่วยกันตรวจสอบ แต่การจะไปชี้ให้ใครไปจับกุมใครคิดว่าไม่ใช่ขั้นตอน ขอให้ช่วยกันรักษาความสัมพันธ์อันดีกัน ไม่ว่ากับประชาชน สังคม ทำอะไรต้องรอบคอบ ทำอะไรต้องตักเตือนกัน ทราบว่าพรรคพลังประชารัฐได้ขอโทษแล้ว และนายสิระก็ชี้แจงแล้ว บางเรื่องถ้าชี้แจงได้รับฟังได้ก็จบไป และอย่าให้เกิดขึ้นอีก ผมได้ย้ำไปแล้ว ผมไม่ต้องการให้มีความไม่เข้าใจแบบนี้ออกต่อไปในอนาคต” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว