“NEW MG ES” สเตชั่นวากอนไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของเมืองไทย

ก้าวขึ้นไปอีกระดับสำหรับสเตชันวากอนไฟฟ้ารุ่นใหม่ “NEW MG ES” ค่ายเอ็มจีถือเป็นแบรนด์เดียวในเมืองไทยที่มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกแบบในสไตล์สเตชั่นวากอน ซึ่งตอบโจทย์ความอเนกประสงค์สำหรับคนที่ต้องการความไม่เหมือนใคร ต่อจากรุ่นแรก MG EP ที่สร้าปรากฏการณ์ด้วยกระแสความเป็นยานยนต์รักษ์โลกเพื่อคนรุ่นใหม่ พัฒนาเทคโนโลยีทั้งมอเตอร์และแบตเตอรี่ซึ่งเป็นหัวใจของการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม 

“NEW MG ES” ได้รับการออกแบบและพัฒนา ภายใต้แนวคิด “COMFORTABLE เป็นทุกอย่าง เพื่อทุกโมเมนต์” เติมเต็มไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงเวลาที่สำคัญ

ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใช้สอยของห้องโดยสารขนาดใหญ่ใช้งานได้จริงทุกตารางเมตร ดีไซน์ภายนอกและภายในที่พรีเมียมมีระดับ ผสานความลงตัวในสไตล์ Brit Dynamic ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ การควบคุม และความปลอดภัย

“NEW MG ES” มาพร้อมกับ New ERA Design ออกแบบตัวรถใหม่ทั้งภายนอกและภายในที่ดูเรียบหรูผสานความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้าย LED ใหม่แบบ Light Curtain Design ดูโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ

มีสปอยเลอร์หลัง พร้อมติดตั้งชุดราวหลังคา (Roof Rail) รับน้ำหนักได้ 75 กิโลกรัม เอาไว้บรรทุกสัมภาระเวลาเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดได้สบายมาก

เปิดประตูเข้าไปในห้องโดยสาร จะสัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยม ตั้งแต่คอนโซลแบบ Double Layer เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ Denim Texture Design ที่ให้ผิวสัมผัสคล้ายผ้ายีนส์ ตัดด้วยเส้นสายการตกแต่งภายในโทนสีฟ้า Energetic Blue Strip เฉพาะเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยี Zero-G Seats มาใช้งานรองรับสรีระของผู้นั่ง สามารถกระจายน้ำหนัก ทำให้นั่งสบายตลอดเส้นทาง

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ หน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัล และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 จุด ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูท พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE-A และ TYPE-C รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย ทั้ง iOS และแอนดรอยด์ มีระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART ในรูปแบบ Lite version ให้เข้าถึงระบบการใช้งานรถไฟฟ้าผ่านทางสมาร์ทโฟน

ให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารหายใจได้อย่างเต็มปอดตลอดการเดินทางด้วยระบบปรับอากาศแบบดิจิตัลพร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ที่ดูจะมีประโยชน์มากจากสถานการณ์ฝุ่นในปัจจุบัน

ส่วนเรื่องสมรรถนะ “NEW MG ES” ถูกเติมเต็มให้เหนือระดับยิ่งกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่ที่ให้พละกำลังสูงสุด 177 แรงม้า ช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension ทรงตัวดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโครง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม

พัฒนาแบตเตอรี่มาเป็นลิเทียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 kWh วิ่งได้ถึง 412 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัยมาแบบเต็มสตีม (Full Space Frame) พร้อมกับติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System พร้อมระบบ ADAS ที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุด้วยการเตือนและช่วยควบคุม

นอกจากรองรับระบบการชาร์จทั้งแบบ Normal และแบบ Quick จาก 0-80% ภายใน 40 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 87 kWh แล้ว ความได้เปรียบของลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้า MG คือ การมีสถานีอัดประจุไฟฟ้า (MG SUPER CHARGE) ที่ติดตั้งแล้วกว่า 129 แห่ง 

สีภายนอกมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ ขาว Arctic White, ดำ Black Knight, เทา Andes Gray, แดง Scarlet Red) และเงิน Champagne Silver

“NEW MG ES” เปิดราคา และพร้อมเปิดรับจองอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 มีนาคมนี้ ที่โชว์รูมเอ็มจีที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าทั่วประเทศ หรือจะอดใจรอไปสัมผัสพร้อมกับยนตรกรรมเอ็มจีทุกรุ่น ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม-2 เมษายน 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี