ยุคดิจิทัลที่โลกต้องฟาดฟันกันด้วย Data 

ในยุคที่เรียกว่า “ยุคดิจิทัล” ยุค 4.0 สังคมขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยีและความผันแปร ความท้าทายใหม่ๆ จากดิจิทัล โดยมักจะมีคำหนึ่งที่พ่วงมาด้วยอยู่เสมอนั่น คือ Big Data ข้อมูลมากมายมหาศาลที่บริษัทต่างๆ เก็บข้อมูลของลูกค้าไว้ เพื่อนำมาวิเคราะห์พัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตอบโจทย์ ถูกต้องตรงใจ ตามความต้องการของลูกค้า หรือแม้แต่ใช้ในการวางแผนทางการตลาด 

เมื่อ data สำคัญขนาดนี้ การเลือกใช้ Content Provider ที่ถูกต้องจึงสำคัญเป็นอย่างมาก ธนพล เนรัญชร Technical Director, Wongnai จะมาบอกเล่าว่า ทำไมบริษัทห้างร้านต่างๆ ในยุคนี้ต้องใช้ Data เป็นเครื่องมือในการทำการตลาด 

  1. คลัง Data ที่ครบรอบด้านเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า

ปัจจุบันข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าจึงเปรียบเหมือนสินทรัพย์ที่สำคัญที่บริษัทห้างร้านทั้งหลายต้องเก็บไว้ให้มั่น เพราะข้อมูลที่ได้สามารถนำไปสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรโมชั่น ให้ข้อเสนอพิเศษด้านราคาให้กับลูกค้าที่มีความต้องการสินค้านั้นๆ 

อย่างห้างค้าปลีกที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก อย่าง เทสโก้ ให้ความสำคัญกับ Data ของลูกค้า ตั้งแต่ปี 1993 โดยในยุคนั้นเทสโก้ผลิต “การ์ดบันทึกข้อมูลของลูกค้า” หรือที่ต่อมาเรียกกันว่า “Barcode” ต่อมาเทสโก้ได้ลงทุนกับบริษัท ดันน์ฮัมบี (Dunnhumby) บริษัท Customer Science ระดับโลกที่เก็บฐานข้อมูลของลูกค้า เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า เพื่อที่จะทำให้ เทสโก้รวมถึงบริษัทค้าปลีกต่างๆ เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลที่ได้ก็จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดในรูปแบบใหม่

เมื่อเทสโก้ดำเนินนโยบายด้วยการเก็บและวิเคราะห์ฐานข้อมูลของลูกค้า ผลที่เกิดขึ้นคือ รายได้ของเทสโก้ในปี 2011 สูงถึง 29.9 พันล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นจากปี 1992 ที่มีรายได้อยู่ที่ 4.7 พันล้านปอนด์ รายได้ที่ถล่มทลายขนาดนี้ก็มาจากการวิเคราะห์ฐานข้อมูลของลูกค้ากว่า 400 ล้านคนทั่วโลก [1]

2. จับมือกับพาร์ตเนอร์ด้าน Data เพื่อตอบสนองลูกค้าได้ตรงใจ

อย่างที่บอกไว้ข้างต้น Data นั้นมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจในยุคนี้อย่างมาก ยิ่งฐานข้อมูลมากเท่าไหร่ ยิ่งได้เปรียบต่อการทำธุรกิจมากเท่านั้น เพราะเจ้าของกิจการสามารถนำข้อมูลที่ได้ มาวิเคราะห์แผนในการดำเนินการตลาดได้อย่างตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งการเก็บ Data ให้รอบคอบ ครบถ้วนนั้น ต้องลงทุนด้านต้นทุนและใช้เวลาในการจัดเก็บข้อมูลเป็นอย่างมากก ดังนั้นหากมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาดูแลให้น่าจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการ

ยกตัวอย่างเช่น Foursquare เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ผสมผสานระหว่าง Social Network และสถานที่ (Location) ซึ่ง Foursquare ยังมีบริการ Foursquare Developer ที่ให้บริการแก่บริษัทต่างๆ ด้านข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ ลูกค้า และข้อมูลต่างๆ อีกมากมาย บริษัทที่มาใช้งาน Data ของ Foursquare ได้แก่ Samsung ที่นำข้อมูลสถานที่ไปใช้ในฟีเจอร์สมาร์ทโฟน ผู้ใช้งานสามารถแท็กโลเคชันจากรูปภาพที่ถ่าย อีกทั้งยังบริการแนะนำสถานที่ ร้านอาหารให้ผู้ใช้งาน รวมถึงบริษัท Airbnb ที่นำข้อมูลรูปภาพสถานที่ไปใช้ในการแนะนำสถานที่เที่ยวหรือร้านอาหารใกล้เคียง [2]

จะเห็นได้ว่าการให้บริการข้อมูลของ Foursquare บริษัทก็สามารถใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลของพาร์ตเนอร์อันจะสามารถสร้างความเติบโตและทำให้ธุรกิจของตัวเองมีความแตกต่างได้ท่ามกลางยุคดิจิทัลรวดเร็ว ธุรกิจก็ต้องเร่งปรับตัวให้ทัน 

  1. คุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และความสดใหม่ของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ 

ในยุคที่ข้อมูลไหลบ่า Data มาจากทุกทิศทุกทาง แต่ทว่าถ้ามี Data อยู่ในมือมากๆ ต้องเป็น Data ที่ไม่มีแต่จำนวน จำเป็นต้องมีคุณภาพด้วย เพื่อสามารถนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insight) อันน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นได้ วิธีการได้มาซึ่งข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญ  เพราะถ้าแหล่งข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีคุณภาพแล้ว ผลการประมูลที่ได้ก็อาจจะผิดเพี้ยน ผู้ที่ต้องนำข้อมูลไปใช้ต่อจึงต้องพิจารณาตรงจุดนี้ให้มาก ว่าจะเลือกใช้ Data จากผู้ให้บริการ (Data Provider) ใด

Wongnai ผู้นำฐานข้อมูลร้านอาหารของไทย ที่มีข้อมูลร้านอาหารในระบบมากกว่า 300,000 ร้าน มีทีมลงสำรวจข้อมูลร้านอาหารตามจังหวัดต่างๆ ทั่วไทย ส่วนจังหวัดไหนที่ไม่มีทีมลงสำรวจของ Wongnai ก็จะมี Community เหล่า User Wongnai ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ช่วยกันอัพเดตข้อมูลให้มีความถูกต้องและสดใหม่อยู่เสมอ ไม่เพียงแต่ User แต่ตัวเจ้าของร้านเอง ก็สามารถอัพเดตข้อมูลผ่านทางระบบ Wongnai POS ได้โดยตรง 

นอกจากนี้ Wongnai ยังมีทีม Data Scientist ที่ได้สรรสร้างนำเอาเทคโนโลยี Artificial Intelligence หรือ AI ที่จะเข้ามาช่วยตรวจสอบข้อมูล ผ่านการเอาข้อมูลหลายด้านมาประกอบ ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานของ User ข้อมูลรีวิว ข้อมูลภาพถ่าย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด ครบถ้วนที่สุด สมบูรณ์ที่สุด

  1. ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นอย่างไร เลือก Data จาก Provider ให้ตรงกับลูกค้า

เพราะ Data Provider ในตลาดมีหลากหลาย ฉะนั้นควรเลือก Data Provider ที่มีข้อมูลตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคุณ เพื่อจะได้รับข้อมูลความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า นำข้อมูลมาวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องไม่คลาดเคลื่อน 

ดังตัวอย่างจากกรณีศึกษา ในปี 1936 มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ระหว่าง Alfred Landon และ Franklin D. Roosevelt นิตยสาร Literary Digest ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับความเชื่อถืออย่างมาก ได้ทำการสำรวจจากประชากรจำนวน 2.4 ล้านคนและสรุปผลว่า Landon จะชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 57% แต่ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการกลับกลายเป็น Roosevelt ได้คะแนนเสียงไป 62% [3]

โดยสาเหตุที่ทำให้การทำนายในครั้งนี้คลาดเคลื่อน ผิดพลาด เนื่องจากนิตยสารได้เลือกรายชื่อจากประชาชนที่มีเบอร์โทรศัพท์ หรือได้ลงทะเบียนไว้กับนิตยสารต่างๆ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีรายได้ปานกลางถึงสูง ทำให้มีกำลังทรัพย์ในการซื้อโทรศัพท์ และกลุ่มคนเหล่านี้ชื่นชอบ Landon มากกว่า ทำให้ผลสำรวจที่ได้มีความคลาดเคลื่อน

ดังนั้นแล้วด้วยความหลายหลาย วิถีการดำเนินชีวิตของลูกค้า ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่มีไลฟ์สไตล์แบบไหน และต้องมองหาผู้ที่ให้บริการที่มี Data ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคุณ ดังนั้นควรตรวจสอบกับผู้ให้บริการให้แน่ใจว่า Data ที่มีตรงกันหรือไม่

สำหรับ Wongnai ที่ User มีความหลากหลายทางไลฟ์สไตล์ เริ่มตั้งแต่คนที่เริ่มใช้ชีวิตวัยรุ่น หนุ่มสาวออฟฟิศ ไปจนถึงผู้ใหญ่วัยกลางคน และด้วย Data Platform ที่ Wongnai มี ทำให้สามารถสร้าง Model ซึ่งจำแนก จัดกลุ่มและหาความคล้ายของร้านที่ User แต่ละกลุ่มน่าจะชื่นชอบ ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถระบุร้านที่ชาว Cafe Hopping (ลูกค้าทื่ชอบไปคาเฟ่) หรือร้านที่ชาว Coffee Speciality (กลุ่มลูกค้าที่ชอบกาแฟ) น่าจะชอบได้

ด้วยความสามารถนี้ จะช่วยให้สามารถพัฒนาระบบแนะนำร้านอาหารหรือบริการต่างๆ ให้ตรงใจ User ได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของคนในแต่ละยุคสมัยปัจจุบันได้ดีขึ้นอีกด้วย

  1. Data ที่ผ่านการวิเคราะห์แล้ว อาจจะสร้างปัญหาน้อยกว่าการมีแต่ Data ดิบ 

Raw Data หรือข้อมูลดิบ ซึ่งเก็บมา โดยไม่ได้ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ แล้วบริษัทส่วนใหญ่ก็ชอบเอาข้อมูลดิบ จาก Provider ไปใช้งาน เนื่องจากคิดว่าข้อมูลดิบเหล่านี้สามารถนำมาใช้งาน วิเคราะห์ได้หลากหลาย แต่ทว่าก็ต้องสูญเสียต้นทุนในการเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์ หากต้องเร่งทำงานแข่งขันกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงกันแบบรวดเร็วฉับไว 

Data Platform ของ Wongnai นั้น มีทั้ง Data ดิบและ Data ที่ผ่านการวิเคราะห์แล้ว มั่นใจได้ว่า Data เหล่านี้มีคุณภาพดี ทั้งยังมี Data Scientist ที่สร้าง model จาก Data เหล่านี้ทำให้ Wongnai มีข้อมูลเชิงลึกของร้านอาหารและนำมาต่อยอดเพิ่มเติมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยความสามารถของ AI ทำให้ Wongnai สามารถเข้าใจพฤติกรรมการใช้งาน ข้อมูลรีวิว และคุณสมบัติของร้านอาหารแต่ละร้าน สามารถหาร้านอาหารที่คล้ายคลึงกัน วิเคราะห์จุดเด่นและจุดด้อยของแต่ละร้านอาหาร เมนูใดบ้างที่ขายดี ทั้งยังสามารถดูได้ว่า มีร้านอาหารเปิดใหม่ ในพื้นที่ไหนบ้าง แล้วร้านที่เปิดใหม่ เป็นร้านประเภทใด เมนูของร้านอาหารเป็นอาหารสัญชาติใด เป็นอาหารประเภทอะไร เป็นต้น 

ระบบยังมีข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้วิเคราะห์ในด้านปริมาณ เช่น จังหวัดหรืออำเภอใดที่มีร้านอาหารเปิดใหม่มากที่สุด เมื่อเร็วๆ นี้ร้านอาหารใดบ้างที่ได้รับความนิยม ร้านอาหารที่คนชื่นชอบของหวานมักจะไปรับประทาน เป็นต้น 

ด้วยความสามารถเหล่านี้ ทำให้ Wongnai สามารถพัฒนาระบบเพื่อแนะนำร้านที่ User น่าจะชอบ รวมถึงสร้างกลุ่มเป้าหมายของร้านอาหาร (Targeting) เพื่อวางแผนการโปรโมทและช่วยให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

6. เมื่อมี Data แล้ว ก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ

การจะใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง ตรงความต้องการ จะต้องมี Data Provider ให้คำปรึกษาในการเลือกใช้ข้อมูลด้วย อันจะทำให้ลดปัญหาในด้านการสูญเสียเวลาและบุคลากรที่จะต้องไปทำความเข้าใจข้อมูล เพื่อนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ 

และ Wongnai ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น Platform อันดับ 1 ด้านอาหารการกินของไทย เต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นคนไทยส่วนใหญ่ชอบร้านอาหารประเภทใดบ้าง ในช่วงเวลาใดบ้าง รวมไปถึงเทรนด์ของร้านอาหารต่างๆ โดยเรามีทีมงานที่เข้าใจถึงพฤติกรรมเหล่านี้เป็นอย่างดี

การมีทีมที่มีความรู้ในด้านนั้นๆ คอยให้คำปรึกษาจะช่วยให้เรามีไอเดียใหม่ๆ และเข้าใจข้อมูลอย่างถูกต้อง ซึ่งมีความสำคัญในการแปรผลให้ถูกต้องและกำหนดกลยุทธ์เป็นอย่างมาก

ดังนั้นแล้วเพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถตอบโจทย์ ความต้องการของลูกค้า ก็ต้องให้ความสำคัญกับข้อมูลและการวิเคราะห์ ใช้ข้อมูลอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ อันจะนำมาสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ โดย Wongnai เป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้บริการด้าน Data ที่มีคุณภาพ สดใหม่ และสามารถแนะนำให้คุณสามารถใช้ Data ได้อย่างถูกต้อง 

โดย Wongnai จะจัดงานสัมมนาเกี่ยวกับ Location based data ให้กับพาร์ตเนอร์ ในวันที่ 22 ตุลาคม 2562 เวลา 13.00 – 16.30 น. ซึ่งผู้ที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนาได้ สามารถศึกษารายละเอียดและลงทะเบียนที่ลิ้งก์นี้ bit.ly/2lOrFJb อย่างไรก็ตามเมื่อตัดสินใจแล้วรีบลงทะเบียน เพราะที่นั่งมีจำนวนจำกัด 

อ้างอิง

[1] http://robertplantblog.com/wp-content/uploads/2014/Big-Data-Case-Study-Tesco.pdf

[2] https://developer.foursquare.com/

[3] https://www.math.upenn.edu/~deturck/m170/wk4/lecture/case1.html