เจาะลึกความสำเร็จของ ‘ทาเคดา’ องค์กรที่ช่วยดูแลสุขภาพคนไทยมากว่า 52 ปี ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีขึ้นให้กับผู้คนและอนาคตที่สดใสให้กับโลก

    กว่าครึ่งศตวรรษ ที่บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลกที่เน้นการสร้างคุณค่าระดับสากล มุ่งเน้นการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมการรักษาโรคโดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง และการสร้างคุณค่าผ่านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสุขภาพที่ดีและอนาคตที่สดใสของประชากรโลก 

    ปีเตอร์ สไตรเบิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคเข้ามาในประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มโรคทั้ง 4 แขนงหลัก ได้แก่ มะเร็งวิทยา โรคระบบทางเดินอาหาร โรคหายาก ตลอดจนการรักษาด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์จากพลาสมา  

    “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ทาเคดา ได้มุ่งเน้นคิดค้นนวัตกรรมเพื่อการรักษาโรคต่างๆ อาทิ นวัตกรรมการรักษาโรค Hemophilia (ความผิดปกติเกี่ยวกับอาการเลือดออกที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งทำให้เลือดไม่สามารถแข็งตัว อันนำไปสู่ภาวะเลือดออกอย่างรุนแรง) 

    “ทาเคดาและบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ศึกษาเกี่ยวกับโรคหายากจากกลุ่มผู้ป่วยโดยตรง ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้เรื่องโรคที่ผู้ป่วยต้องเผชิญ พร้อมแนะวิธีการรักษาเบื้องต้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเราจะดูแลกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ให้ดีที่สุด โดยโรคหายากมีมากกว่า 6,000 โรค และ1 ใน 20 คนจะเผชิญกับโรคหายากในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต อย่างไรก็ตามโรคหายากส่วนใหญ่ยังไม่มีวิธีการรักษาและยังมีหลายคนที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย” 

     ล่าสุด ทาเคดา ได้ทดลองวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกในกลุ่มตัวอย่างประชากรไทย ซึ่งผลการทดลองระยะที่ 3 ของวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกผ่านเกณฑ์วัดหลักและรอง และอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นเอกสารขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก นอกจากนี้ คุณปีเตอร์ยังดำรงตำแหน่งอุปนายกของสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ หรือ พรีม่า (Pharmaceutical Research and Manufacturers Association หรือ PReMA) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยสนับสนุนและผลักดันให้เกิดนวัตกรรมทางด้านเภสัชภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ผลักดันการเข้าถึงนวัตกรรมยาและการรักษา เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานการรักษาผู้ป่วยในประเทศไทยอีกด้วย

    คุณปีเตอร์ ได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกนี้ว่า “ขณะที่หลายคนอาจจะกำลังตระหนักถึงความน่ากลัวของการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 นั้น แต่ความจริงแล้วโรคไข้เลือดออกก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก” 

    นอกจาก ทาเคดา จะดำเนินธุรกิจโดยมีเจตนารมณ์เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีขึ้นให้กับผู้คนและอนาคตที่สดใสให้กับโลกใบนี้ ดังค่านิยมที่สืบต่อกันมาถึง 240 ปี โดยมีหลักการที่นำด้วย ความซื่อสัตย์ (Integrity-led principles) และการสร้างคุณค่าทางสังคม บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร เพื่อให้มีความเหมาะสมกับความต้องการในอนาคต และพร้อมปรับตัวให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ทุกการตัดสินใจของเราที่ทาเคดาทั่วโลกและในประเทศไทย เราถามตัวเอง 4 คำถามเสมอ ซึ่งเรียงลำดับความสำคัญดังต่อไปนี้ 1. สิ่งนี้ส่งผลดีต่อผู้ป่วยหรือไม่? 2. ช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับสังคมหรือไม่? 3. ส่งผลต่อชื่อเสียงเราอย่างไร และ 4. สิ่งนี้ช่วยพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนหรือไม่?

     ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ปกติแล้วทาเคดา (ประเทศไทย) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพนักงานมีการส่งพนักงานจากประเทศไทยไปพัฒนาทักษะด้านการทำงานที่มหาวิทยาลัยที่เป็นพาร์ตเนอร์ของทาเคดา ทั้งในประเทศสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา เพื่อให้พนักงานนำแนวคิด กระบวนการ ตลอดจนวัฒนธรรมที่ได้มาประยุกต์ใช้กับกระบวนการดำเนินงานของทาเคดาในประเทศไทย

    “ผมเชื่อว่าการยกระดับทักษะของพนักงาน (Upskill) และการนำทักษะเดิมมาปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้น (Reskill) มีความจำเป็นต่ออนาคตการทำงานของพนักงานและความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว ซึ่งนอกเหนือจากการยกระดับทักษะด้านการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมแล้ว ยังรวมถึงทักษะในการปรับตัวและพร้อมเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ”

    อย่างไรก็ดี การดำเนินธุรกิจโดยเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางที่มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ต่อผู้ป่วย และการพัฒนาทักษะของบุคลากรภายในองค์กรแล้ว บริษัทฯ ยังทำงานเพื่อเสริมสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ผ่านมูลนิธิ Takeda Science Foundation ในการสนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์ของไทยไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้รับกลับมาพัฒนาวงการสาธารณสุขไทยให้เจริญก้าวหน้า โดยไม่มีเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายใด ๆ 

    ด้วยแนวทางการบริหารของ คุณปีเตอร์ ที่มุ่งเน้นให้พนักงานได้รับความยืดหยุ่นระหว่างการปฏิบัติงาน โดยไม่เน้นกฏเกณฑ์ที่เคร่งครัดจนเกินไป ส่งผลให้พนักงานมีความผ่อนคลายระหว่างการทำงาน ก่อให้เกิดไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์ต่องานที่ตนได้รับ ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทฯ เป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับรางวัล “HR Asia Best Companies to Work for” และยังได้รับการยกย่องให้เป็น “Top Employer Thailand” จากองค์กรด้านทรัพยากรบุคคลชั้นนำ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งของความพยายามที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้แก่พนักงานในองค์กรทุกคน

    “ผมเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่ประเทศไทยเป็นเวลา 2 ปีแล้ว สิ่งที่ผมเห็นและรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากคือ ผมได้พบกับพนักงานที่รักในงานที่ทำ มองเห็นการทำงานเป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่งที่เขาสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเมื่อไม่นานมานี้ พนักงานได้จัดกิจกรรมนำของรักของหวงของตนเองมาร่วมประมูล เพื่อนำรายได้มอบให้แก่องค์กรป่วยโรคหายาก อาทิ โรค Lysosomal Storage Disorders (โรคพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของเอ็นไซม์ในการย่อย) และโรค Hemophilia ที่ได้กล่าวไปข้างต้น นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนองค์กรโดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง”  

    “ในอนาคต บริษัทฯ มีทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญในเรื่องนวัตกรรมยาและการรักษา ตลอดจนพัฒนาองค์ความรู้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ โดยผสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตอกย้ำความเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก” 

    เป้าหมายของเราคือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เผชิญกับอุปสรรคด้านการแพทย์และการรักษา เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ส่องนำทาง เพื่อมอบโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างปกติสุขแก่ผู้ป่วยอย่างแท้จริง