‘ไทยออยล์’ 60 ปีแห่งความเป็นเลิศด้านพลังงาน วิถียั่งยืน สู่องค์กร 100 ปี

มุ่งหมายความเป็นเลิศ – สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน

จากโรงกลั่นน้ำมันเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย ด้วยขนาดกำลังการผลิต 35,000 บาร์เรลต่อวัน ในปีพ.ศ. 2504 แผ่กิ่งก้านเติบใหญ่อย่างต่อเนื่อง จวบจนปัจจุบัน ไทยออยล์เป็นโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่และมีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 22 ของกำลังการกลั่นของประเทศไทย   มีส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ ประมาณร้อยละ 31 ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายในประเทศไทย โรงกลั่นไทยออยล์เป็นโรงกลั่นน้ำมันที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงที่อยู่ในระดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 

ในช่วงการเจริญเติบโต ไทยออยล์ได้มีการกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจที่หลากหลายทั้ง ธุรกิจอะโรเมติกส์ ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ธุรกิจผลิตไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจเอทานอล และล่าสุดเป็นผู้ผลิตสาร LAB (Linear Alkyl Benzene) รายแรกและรายเดียวของประเทศไทย โดยสาร LAB เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตผงซักฟอกและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่จำหน่ายในไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังได้ขยายตลาดไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค    มากยิ่งขึ้นเพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการเติบโตไปยังประเทศในภูมิภาค         ซึ่งมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง 

การดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environmental / Social / Governance) ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์คว้ารางวัลด้านการบริหารจัดการ ด้านผู้นำ ด้านการพัฒนาองค์กรบนหลักธรรมาภิบาล และด้านความยั่งยืนจากองค์กรทั้งในประเทศและระดับโลก โดยล่าสุดไทยออยล์ ได้รับการรับคะแนนประเมินสูงสุดจาก DJSI เป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซของโลกถึง 6 ปี ในช่วงที่ผ่านมา

คนและชุมชน คือกุญแจแห่งความยั่งยืน

ขณะที่เทคโนโลยีรุดหน้า อีกด้านหนึ่ง ‘ไทยออยล์’ ก็ได้ชื่อว่าเป็นโรงกลั่นที่เกิดและเติบโตไปพร้อมกันกับชุมชน   ซึ่งเมื่อถอดรหัสความสำเร็จก็พบว่าเกิดจาก หลัก “3 ประสาน” โดยเน้นความร่วมมือที่ดีระหว่าง ไทยออยล์ ชุมชน และ ส่วนราชการท้องถิ่น โดยจะมีการประชุมตัวแทนทั้ง 3 ส่วนทุกเดือน กับแนวคิด “5 ร่วม” นั่นคือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ไข ร่วมรับผล และร่วมพัฒนา ทั้งนี้ก็เพื่อดูแลชุมชนรอบโรงกลั่นให้สามารถพึ่งตนเองได้ จนเกิดเป็นชุมชนเข้มแข็ง โดยจะมีการ สื่อสารข้อมูลของบริษัทฯ ไปยังชุมชนอย่างถูกต้องและน่าเชื่อถือ พร้อมรับฟังปัญหาและข้อคิดเห็นของชุมชน เพื่อหาแนวทางการเติบโตไปด้วยกัน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการดำเนินการโครงการด้านสังคมอย่างต่อเนื่องในด้านต่างๆ เช่น ด้านการศึกษาให้ทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชนดีเด่นในพื้นที่ (Thaioil Scholarship for Community’s Talent Student) หรือการจัดค่ายอบรมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และ ภาษาอังกฤษ เป็นต้น

ด้านสุขภาพและสาธารณสุข สร้างศูนย์สุขภาพและการเรียนรู้กลุ่มไทยออยล์เพื่อชุมชน จัดทำโครงการ “ชุมชนน่าอยู่” ส่งเสริมกิจกรรมสุขภาพ รวมทั้งจัดให้มีเครื่องเล่นและอุปกรณ์ออกกำลังกายสำหรับชุมชน การจัดคลินิกทันตกรรม สร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน 5 ชั้น ให้กับโรงพยาบาลแหลมฉบัง ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างพื้นที่สีเขียว การปลูกป่าชายเลน เป็นต้น

สู่องค์กร 100 ปี…เดินหน้าอย่างท้าทาย

ท่ามกลางโลกธุรกิจพลังงาน การเดินหน้าสู่องค์กร 100 ปี ของไทยออยล์ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ด้วยหลักไมล์ที่ชัดเจนในการต่อยอดธุรกิจปิโตรเคมี ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่ภายใต้โครงการพลังงานสะอาด CFP หรือ Clean Fuel Project เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขัน โดยขยายกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นจาก 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน  โครงการ CFP ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเปลี่ยนผลิตภัณฑ์น้ำมันเตาให้เป็นน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลซึ่งมีมูลค่าสูง และเป็นที่ต้องการของตลาด สามารถผลิตน้ำมันสำเร็จรูปคุณภาพสูงมาตรฐานยูโร 5 ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมาย “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน – Empowering Human Life through Sustainable Energy and Chemicals” 

การมุ่งหน้าสู่การเป็นองค์กร 100 ปีนั้น นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่ 

กลยุทธ์การหาโอกาสขยายธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์จากธุรกิจการกลั่นน้ำมันไปยังธุรกิจ ปิโตรเคมี กลุ่มโอเลฟินส์ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่หลากหลายกว่ากลุ่มอะโรเมติกส์ที่ไทยออยล์มีอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นการต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าจากผลิตภัณฑ์พลอยได้แนฟทาและแอลพีจี จากโครงการ CFP รวมถึงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High-value Products) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด

กลยุทธ์การสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อแสวงหาโอกาสการเติบโตในภูมิภาคผ่านการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าผลิตภัณฑ์ โดยเป้าหมายคือการสร้างแพลตฟอร์ม ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การบริการลูกค้า การส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในภูมิภาค ผ่านการบริหารจัดการระบบกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ของบริษัทในกลุ่มที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นจากโครงการ CFP ในอนาคตควบคู่ไปกับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มไทยออยล์ในการขยายธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น 

กลยุทธ์การกระจายการเติบโตไปยังธุรกิจที่มีรายได้ที่มั่นคง รวมถึงมองหาโอกาสในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และธุรกิจใหม่เชิงนวัตกรรมที่สอดคล้องกับแนวโน้มในอนาคต (New S Curve) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้พอร์ตการลงทุนและเพิ่มเสถียรภาพของกำไร รองรับความผันผวนจากธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ที่เกิดขึ้นจากปัจจัยรอบด้าน 

นอกจากนั้น ไทยออยล์ยังวางเป้าหมายเชิงรุกในการสร้างการเติบโตของธุรกิจทุกด้านได้อย่างรวดเร็วและผลักดันให้กลยุทธ์สัมฤทธิ์ผล โดยยกระดับการดำเนินธุรกิจและสร้างการเติบโต ผ่านการทำงานตามแนวทาง 4P (Effective Execution: 4P) ได้แก่ People ด้วยการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต Patronage การส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้มีอุปการะคุณทางธุรกิจ ทั้งลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน ผู้ถือหุ้น รัฐบาล และชุมชน Partner การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและนอกประเทศเพื่อสร้างธุรกิจร่วมกัน และ Platform ใช้ประโยชน์สูงสุดจากแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วย แพลตฟอร์มทางธุรกิจที่มีอยู่เดิม แพลตฟอร์มทางความรู้ และดิจิทัลแพลตฟอร์มในการสร้างโอกาสใหม่ๆ

เหนืออื่นใด สิ่งที่ไทยออยล์ยังคงรักษาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นท่ามกลางความท้าทายของโลกคือ พนักงาน ซึ่งเป็น DNA สำคัญขององค์กร ด้วยการเดินหน้าปลูกจิตสำนึกและค่านิยมของบุคลากรในองค์กรให้เป็นคนจิตอาสา สร้างระบบภายในองค์กรที่แข็งแรง สร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยี ยืนหยัดเป็นผู้สร้างความมั่นคงทางพลังงาน และพร้อมสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนคู่คนไทยตลอดไป