ฤทธิ์ ธีระโกเมน “เอ็มเค” ไม่ได้มีแค่สุกี้ จากร้านอาหาร…สู่สนาม “โลจิสติกส์”

กว่า 32 ปี หลังเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เรียกได้ว่า “เอ็มเค” กลายเป็นแบรนด์ที่ได้จุดกระแสร้านอาหารในรูปแบบ “สุกี้” ให้ติดตลาดและได้รับความนิยม ไม่เพียงรสชาติอาหารที่ถูกปาก แต่ยังรวมถึงการได้นำระบบบริหารจัดการและการตลาดสมัยใหม่เข้ามาสร้างการรับรู้ควบคู่กับการเร่งขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

ก้าวกระโดดของ “เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป” ในช่วงปี 2549 ที่นอกจากร้านอาหารประเภทสุกี้ยากี้แล้วนั้น ได้ขยายไลน์ร้านอาหารไปยังประเภทต่าง ๆ อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ “ยาโยอิ” ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2549

ต่อมาในช่วงปี 2555 ได้ขยายไลน์ร้านอาหารญี่ปุ่นในระดับพรีเมี่ยมขึ้น ภายใต้ชื่อ “ฮากาตะ” และ “มิยาซากิ“ตามมาด้วยการขยายสู่กลุ่มร้านอาหารไทย ภายใต้ชื่อ “ณ สยาม” และ “เลอ สยาม” รวมทั้งร้านกาแฟและเบเกอรี่ ภายใต้ชื่อ “เลอ เพอทิท” 

ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ก้าวกระโดดสำคัญ

เมื่อธุรกิจเติบโตและขยายสาขาต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2556 กลายเป็นก้าวกระโดดสำคัญอีกครั้งของเอ็มเคกรุ๊ป ในการขยายธุรกิจร้านอาหารออกไปครอบคลุมเกือบทุกเซ็กเมนต์

และความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “เอ็มเคกรุ๊ป” เมื่อช่วงกลางปี 2561 ที่ผ่านมา เป็นการพลิกโฉมเปลี่ยนเกมธุรกิจใหม่ ที่ไม่ได้หยุดแค่ธุรกิจร้านอาหารอีกต่อไป ด้วยการเคลื่อนทัพสู่ตลาดใหม่ สนามรบใหม่ “ธุรกิจโลจิสติกส์” เป็นการสร้างพอร์ตธุรกิจใหม่กลุ่ม non-food ของเอ็มเค

แม้ว่าจะเป็นสนามรบใหม่ แต่ในความจริงแล้ว เอ็มเค กรุ๊ปก็มีประสบการณ์เรื่องโลจิสติกส์มาเป็นอย่างดีเช่นกัน เพราะด้วยจำนวนสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 600 แห่ง ทำให้ เอ็มเค กรุ๊ป ต้องมีระบบการจัดส่งวัตถุดิบไปยังร้านอาหารหลากหลายประเภทในเครือ จึงมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ในธุรกิจอาหารมาเป็นอย่างดี ด้วยรถบริการกว่า 150 คัน และการบริหารจัดการครัวกลางสำหรับธุรกิจ food chain อย่างต่อเนื่องแบบไม่มีวันหยุด

ด้วยศักยภาพภายในของเอ็มเค กรุ๊ป ประกอบกับอิทธิพลของกระแสอีคอมเมิร์ช ที่ทำให้พฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งพฤติกรรม “การกิน” บริการสั่งอาหารออนไลน์ บริการฟู้ดดีลิเวอรี่เติบโตอย่างมาก ทำให้เอ็มเคกรุ๊ปเห็นถึงโอกาสการเติบโตมากกว่าแค่การจำกัดตัวเองอยู่ในธุรกิจร้านอาหาร

โมเดลธุรกิจโลจิสติกส์ของเอ็มเคกรุ๊ป ไม่ได้เป็นการให้บริการฟู้ดดีลิเวอรี่เพื่อส่งถึงผู้บริโภค แต่เป็นระบบโลจิสติกส์แบบบีทูบี (B2B) แบบครบวงจร 

การเดินทางก้าวใหม่ของ “เอ็มเคกรุ๊ป” เป็นการจับมือกับ “เซนโค กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ยักษ์โลจิสติกส์อันดับ 2 ของญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 100 ปี จัดตั้งบริษัทร่วมทุน “เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์” ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ตั้งแต่การให้บริการคลังสินค้า, การขนส่ง, บริการนำเข้า-ส่งออกสินค้า และการซื้อขายสินค้า โดยเฟสแรกเน้นการขนส่งแบบเย็นหรือ cold chain ก่อนที่จะขยายไปสู่ระบบขนส่งที่เป็น dry chain ในอนาคต คาดว่าจะเปิดบริการเต็มรูปแบบได้ประมาณเดือนสิงหาคมปี 2562

ขณะที่ธุรกิจหลักในกลุ่มร้านอาหาร “เอ็มเคกรุ๊ป” ยังคงเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง และปีนี้มีการลงทุนอีก 600 ล้านบาท สำหรับสาขาใหม่อีก 48-49 สาขา รวมถึงการเร่งปรับตัวเพื่อรับมือการแข่งขันในยุคดิจิทัลและตอบโจทย์ความต้องการไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

“ฤทธิ์ ธีระโกเมน” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป ฉายภาพว่า ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารในไทยมีมูลค่าสูงกว่า 4 แสนล้านบาท มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งตลาดมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง เพราะมีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดมากขึ้น รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่มีความหลากหลายและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“เราในฐานะผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น”

การนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาสินค้าและบริการจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดย “เอ็มเคกรุ๊ป” ได้เริ่มปรับตัวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ การนำแอปพลิเคชั่นสำหรับการจองคิว เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่

และหลังจากนี้เตรียมแผนจะนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพิ่ม อาทิ การชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น การนำเอไอเข้ามาช่วยจัดการในเรื่องการบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้สามารถนำมาปรับปรุงบริการให้สอดคล้องกับความต้องการได้อย่างแท้จริง

ควบคู่กับการปรับปรุงแคมเปญส่งเสริมการขายทั้งในเชิงคุณภาพและความหลากหลายของเมนูอาหารไปพร้อม ๆ กัน

ปัจจุบัน “เอ็มเค กรุ๊ป” มีธุรกิจร้านอาหารทั้งหมด 8 แบรนด์ ได้แก่ เอ็มเค สุกี้ 427 สาขา เอ็มเค โกลด์ 6 สาขา เอ็มเค ไลฟ์ 2 สาขา ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ 165 สาขา ร้านอาหารญี่ปุ่นมิยาซากิ 27 สาขา ร้านอาหารไทย ณ สยาม 1 สาขา ร้านอาหารไทย เลอสยาม 4 สาขา ร้านกาแฟ เบเกอรี่/เลอเพอพิท คาเฟ่ 3 สาขา

และยังคงมีการเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่พอร์ตธุรกิจใหม่ “เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์”เรียกว่าเป็นเทรนด์ธุรกิจมาแรง ที่ผู้ประกอบการยักษ์เล็กยักษ์ใหญ่จากหลากหลายวงการกระโดดเข้าร่วมวงอย่างคึกคัก และนี่คือสนามรบใหม่ และโอกาสใหม่ของเอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป

เมื่อตลาดเปลี่ยน “เกมธุรกิจ” ย่อมต้องเปลี่ยน…