ในทันทีที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองเสด็จสู่สวรรคาลัย เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ องค์มกุฎราชกุมารผู้ดำรงพระยศ “เจ้าชายแห่งเวลส์” มาอย่างยาวนาน ได้ทรงสืบทอดราชบัลลังก์เป็นกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม (Charles the III) โดยอัตโนมัติและไม่ต้องมีพิธีการใด ๆ ก่อนทั้งสิ้น
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีขั้นตอนปฏิบัติและพิธีการต่าง ๆ ตามธรรมเนียมติดตามมา ก่อนที่จะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเพื่อเสด็จขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- แนวโน้มราคาทองวันนี้ (25 มี.ค. 67) บทวิเคราะห์โดย YLG Bullion
สิ่งที่กษัตริย์พระองค์ใหม่จะต้องทรงตัดสินพระทัยเป็นอย่างแรก นั่นก็คือพระนามที่ใช้ประจำรัชกาล ซึ่งอาจทรงเลือกใช้พระนามปัจจุบัน “ชาร์ลส์” หรือพระนามที่เป็นชื่อกลางชื่อใดชื่อหนึ่งจากพระนามเต็มว่า ชาร์ลส์ ฟิลิป อาเธอร์ จอร์จ
กรณีตัวอย่างที่กษัตริย์พระองค์ใหม่เลือกใช้พระนามประจำรัชกาลที่ไม่ใช่ชื่อตัวในปัจจุบัน ได้แก่พระเจ้าจอร์จที่ 6 พระอัยกา ซึ่งทรงเลือกใช้พระนาม “จอร์จ” แทนที่จะเป็น “อัลเบิร์ต” เพื่อแสดงความต่อเนื่องของการสืบสันตติวงศ์จากพระเจ้าจอร์จทั้ง 5 พระองค์ที่ครองบัลลังก์ก่อนหน้านั้น
นอกจากกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สามแล้ว เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ผู้เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ จะทรงได้รับการสถาปนาเลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร หรือเจ้าชายแห่งเวลส์ในภายหลัง
แต่ฐานันดรศักดิ์ที่จะทรงได้ครองแทนที่พระราชบิดาโดยอัตโนมัติในทันที คือตำแหน่งดยุคแห่งคอร์นวอลล์ ส่วนพระชายาแคเทอรีนก็จะได้เป็นดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ แทนที่พระชายาคามิลลาซึ่งขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีของกษัตริย์พระองค์ใหม่เช่นกัน
พิธีแรกที่เป็นทางการ
ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการสวรรคตของพระราชมารดา กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สามจะมีพระราชโองการประกาศการสืบทอดบัลลังก์ของพระองค์อย่างเป็นทางการ โดยพิธีนี้จะมีขึ้นที่พระราชวังเซนต์เจมส์ในกรุงลอนดอน ต่อหน้าคณะบุคคลสำคัญที่เรียกว่า “สภาการขึ้นครองราชย์” (Accession Council) ซึ่งประกอบไปด้วยเหล่าองคมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาวุโสทั้งในอดีตและปัจจุบัน สมาชิกสภาขุนนาง ข้าราชการระดับสูง รวมทั้งข้าหลวงใหญ่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ประจำรัฐต่าง ๆ ในเครือจักรภพ
คณะบุคคลสำคัญเหล่านี้อาจมีได้สูงสุดถึง 700 คน แต่ในทางปฏิบัติที่ต้องเร่งรีบแล้ว อาจมีผู้เข้าร่วมจริงน้อยกว่านั้นมาก เช่นในปี 1952 ที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองเสด็จขึ้นครองราชย์ มีผู้เข้าร่วมราว 200 คน
ตามธรรมเนียมแล้วกษัตริย์พระองค์ใหม่มักไม่เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีการนี้ แต่ประธานองคมนตรีจะเป็นผู้อ่านประกาศการสวรรคตของกษัตริย์พระองค์ก่อน รวมทั้งประกาศการขึ้นครองราชย์ไปในคราวกัน เนื้อหาของประกาศนี้ส่วนใหญ่เป็นบทสวดภาวนาและการให้คำมั่นต่าง ๆ โดยสรรเสริญคุณความดีของกษัตริย์พระองค์ก่อนและปฏิญาณตนว่าจะจงรักภักดีต่อกษัตริย์พระองค์ใหม่
มีการลงนามรับรองคำประกาศการขึ้นครองราชย์นี้โดยผู้นำคนสำคัญจำนวนหนึ่ง รวมถึงนายกรัฐมนตรี อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ผู้นำศาสนจักรอังกฤษ และประธานสภาขุนนาง โดยหลายฝ่ายต่างจับจ้องให้ความสนใจว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มลดข้อความในประกาศ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสู่รัชสมัยใหม่อย่างไรหรือไม่
ปฐมบรมราชโองการ
สภาการขึ้นครองราชย์จะพบปะกันอีกครั้งในวันถัดมา ซึ่งในครั้งนี้กษัตริย์พระองค์ใหม่จะเสด็จมาในพิธีด้วย เพื่อทรงประกาศพระปฐมบรมราชโองการ ซึ่งมีเนื้อหาแตกต่างจากการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของผู้นำชาติอื่น ๆ โดยจะมีข้อความตามธรรมเนียมโบราณปะปนอยู่ด้วย เช่นทรงปฏิญาณว่าจะอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนจักรแห่งสกอตแลนด์ ตามธรรมเนียมที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18
หลังการประโคมเสียงแตรสัญญาณ จะมีเจ้าพนักงานอ่านประกาศการขึ้นครองราชย์ต่อสาธารณชนที่ระเบียงเหนือลาน Friary Court ในพระราชวังเซนต์เจมส์ โดยจะป่าวร้องขึ้นว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงปกปักรักษาพระราชา” (God Save the King) ซึ่งคราวนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่เพลงชาติของสหราชอาณาจักรซึ่งมีชื่อเดียวกัน จะเปลี่ยนเนื้อร้องจากคำว่า Queen มาเป็นคำว่า King
การประกาศพระปฐมบรมราชโองการนี้จะมีขึ้นนอกกรุงลอนดอน ที่เมืองเอดินบะระ คาร์ดิฟฟ์ และเบลฟาสต์ด้วย พร้อมกับมีการยิงสลุดที่สวนสาธารณะไฮด์ปาร์ก หอคอยแห่งลอนดอน และจากเรือรบหลวงต่าง ๆ
ราชาภิเษก
พระราชพิธีทางการที่เป็นสัญลักษณ์อันสูงสุดของการขึ้นครองราชย์ นั่นก็คือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งจะต้องใช้เวลาจัดเตรียมงานระยะหนึ่งหลังกษัตริย์พระองค์ใหม่เริ่มการสืบทอดราชบัลลังก์ เช่นในกรณีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองนั้น พระราชพิธีบรมราชาภิเษกมีขึ้นหลังทรงครองราชย์ได้ถึง 1 ปีเต็ม
ในประวัติศาสตร์ 900 ปีที่ผ่านมา พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจัดขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ทุกครั้ง โดยพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต (William the Conqueror) เป็นกษัตริย์อังกฤษพระองค์แรกที่ทรงประกอบพิธีราชาภิเษกที่นั่น และกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สามจะนับเป็นองค์ที่ 40 ในครั้งนี้
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะมีขึ้นตามแนวทางของศาสนจักรอังกฤษ และประกอบพิธีโดยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ผู้นำนิกายแองกลิกัน จุดสำคัญของพิธีดังกล่าวอยู่ที่การสวมพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ซึ่งทำขึ้นตั้งแต่ปี 1661 ด้วยทองคำล้วนหนัก 2.23 กิโลกรัม ลงบนพระเศียรของกษัตริย์พระองค์ใหม่ รวมทั้งการเจิมน้ำมันหอม การรับคทาและลูกโลกประดับกางเขนจากอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี
พระราชพิธีนี้ถือว่าเป็นรัฐพิธีเช่นกัน ทำให้รัฐบาลอังกฤษเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในงานนี้ทั้งหมด ทั้งยังคัดเลือกจัดทำรายชื่อผู้เข้าร่วมงานเองอีกด้วย
นอกจากกษัตริย์พระองค์ใหม่จะทรงเป็นพระประมุขของสหราชอาณาจักรแล้ว ยังทรงเป็นผู้นำของเครือจักรภพที่มีรัฐเอกราช 56 ชาติ และประชากร 2,400 ล้านคนร่วมเป็นสมาชิกอยู่ โดยในจำนวนนี้ 14 ประเทศมีกษัตริย์อังกฤษเป็นประมุขของรัฐ
©ภาพทุกภาพมีลิขสิทธิ์
….
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว