รัสเซียจะผนวกภูมิภาคทั้ง 4 ที่ยึดครองไปเพียงบางส่วนจากยูเครนได้อย่างไร ในขณะที่ดินแดนเหล่านี้ยังอยู่ท่ามกลางการสู้รบ
นี่เป็นคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ลงนามผนวกภูมิภาคโดเนตสก์ ลูฮันสก์ แคร์ซอน และซาปอรีเชีย เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศจะไม่มีวันส่งคืนให้ยูเครน และจะปกป้องดินแดนเหล่านี้ด้วยสรรพกำลังทั้งหมดที่มี
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ทำไมผนวกตอนนี้
ประธานาธิบดีปูตินกำลังตกอยู่ในสถานะเพลี่ยงพล้ำ สงครามที่ดำเนินมา 7 เดือนของเขาไม่มีความคืบหน้ามากนัก ในขณะที่การโต้กลับอย่างหนักหน่วงของยูเครนกำลังลบล้างคำกล่าวอ้างในการยึดครองภูมิภาคลูฮันสก์และโดเนตสก์ ของรัสเซียที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้
ก่อนหน้าการประกาศผนวกดินแดนครั้งนี้ ภูมิภาคทั้งสี่ที่อยู่ในการยึดครองของรัสเซียได้จัดการลงประชามติที่รัฐบาลยูเครนและบรรดาชาติตะวันตกชี้ว่าเป็นเรื่อง “จอมปลอม” ไร้ความชอบธรรมและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
การผนวกภูมิภาคแคร์ซอน และซาปอรีเชีย ทางภาคใต้ของยูเครนนั้น จะช่วยให้นายปูตินสามารถส่งทหารเกณฑ์กลุ่มใหม่เข้าไปยังแนวหน้าการสู้รบที่รัฐบาลรัสเซียอ้างว่ามีความยาวกว่า 1,000 กม.
ขณะเดียวกันเขายังสามารถใช้การผนวกดินแดนเหล่านี้ในการข่มขู่ชาติตะวันตกที่ยังคงส่งขีปนาวุธให้ยูเครนใช้โจมตีดินแดนที่รัสเซียถือว่าเป็นของตนเอง
นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เตือนว่า การผนวกดินแดนยูเครนเข้าเป็นของรัสเซียเป็น “การยกระดับที่อันตราย” ในสงครามครั้งนี้ เพราะจะเป็นภัยต่อความคืบหน้าในการสร้างสันติภาพในภูมิภาค
เขากล่าวว่า “การตัดสินใจใด ๆ ในการเดินหน้าผนวกภูมิภาคโดเนตสก์ ลูฮันสก์ แคร์ซอน และซาปอรีเชีย ของยูเครนจะไม่มีคุณค่าใด ๆ ในทางกฎหมาย และควรได้รับการประณาม อีกทั้งไม่เป็นไปตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดต่อหลักการทุกอย่างของประชาคมโลก รวมทั้งเป้าหมายและหลักการของสหประชาชาติ”
เหมือนไครเมีย ?
แม้การผนวกดินแดนยูเครนครั้งล่าสุดนี้จะดูเหมือนสิ่งที่ประธานาธิบดีปูตินเคยทำต่อภูมิภาคไครเมียในปี 2014 ทั้งการจัดลงประชามติที่ได้รับเสียงประณามจากประชาคมโลก ไปจนถึงการเข้ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเพิ่มขนาดของสหพันธรัฐรัสเซีย และผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 ต.ค.
แต่อันที่จริงการผนวกดินแดนครั้งนี้ไม่เหมือนกับคราวก่อนเสียทีเดียว เพราะในตอนนั้นไครเมียถูกรัสเซียยึดไปโดยมีการสูญเสียเลือดเนื้อเพียงเล็กน้อย และไครเมียตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียโดยสมบูรณ์
ทว่าภูมิภาคทั้งสี่ที่เพิ่งจะถูกผนวกไปยังคงอยู่ภายใต้การการควบคุมของยูเครนบางส่วน
โดยบางพื้นที่ของภูมิภาคโดเนตสก์ ลูฮันสก์ ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลังมาตั้งแต่ปี 2014 ทว่าหลังจากสงครามดำเนินมาแล้ว 7 เดือน รัสเซียกลับยึดครองโดเนตสก์ไปได้เพียง 60% โดยที่รัสเซียจวนเจียนจะสูญเสียการควบคุมเมืองยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคที่ชื่อลีมาน ส่วนลูฮันสก์ก็กำลังเป็นศูนย์กลางการโต้กลับครั้งใหญ่ของยูเครน
ส่วนเมืองเอกของภูมิภาคซาปอรีเชียก็อยู่ในการควบคุมของกองทัพยูเครนอย่างเหนียวแน่น แม้จะอยู่ในรัศมีการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย นอกจากนี้ ขบวนทัพยูเครนก็อยู่ห่างจากเมืองแคร์ซอนอีกเพียงไม่กี่ไมล์
นี่ทำให้เกิดคำถามว่า รัสเซียจะผนวกดินแดนที่ยังไม่สามารถยึดครองได้โดยสมบูรณ์ได้อย่างไรกัน
ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร แต่ก็ชัดเจนว่านายปูตินรีบร้อนที่จะทำเช่นนั้น โดยจัดให้มีการลงประชามติอย่างปัจจุบันทันด่วน
ในสุนทรพจน์การประกาศผนวกดินแดนยูเครนทั้งสี่ ประธานาธิบดีรัสเซียเรียกร้องให้ยูเครนหยุดยิงแล้วกลับสู่การเจรจาสันติภาพ แต่ขณะเดียวกันก็พูดชัดเจนว่าจะไม่คืนดินแดนเหล่านี้ให้กับยูเครนเด็ดขาด
นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวเตือนเมื่อ 30 ก.ย.ว่า การโจมตีดินแดนที่รัสเซียผนวกรวมเป็นของตนจะถือเป็นการกระทำที่รุกรานต่อประเทศรัสเซีย
จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน แม้แต่นายเปสคอฟเองก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่า รัสเซียจะกำหนดเขตพรมแดนใหม่ในดินแดนทางภาคใต้ยูเครนที่ยึดครองไปอย่างไร
แต่เขาระบุว่า รัสเซียจะถือว่าภูมิภาคโดเนตสก์ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของตน โดยส่วนที่รัสเซียยังยึดครองไม่ได้นั้น จะได้รับ “การปลดปล่อย” ในภายหลัง
ก่อนจะเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือน ก.พ. รัสเซียเคยประกาศให้โดเนตสก์ และลูฮันสก์ เป็น “สาธารณรัฐประชาชน” ที่เป็นเอกราช และตอนนี้รัฐบาลรัสเซียจะกำหนดให้รัฐทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรัสเซีย ซึ่งนายปูตินได้ทำแบบเดียวกันกับภูมิภาคแคร์ซอน และซาปอรีเชีย ทางภาคใต้ ก่อนหน้าที่จะมีการลงนามผนวกภูมิภาคทั้งสี่เข้าเป็นของรัสเซียอย่างเป็นทางการ
เยียคาเทอรีนา ชูลมาน นักวิจารณ์การเมืองชาวรัสเซียที่ลี้ภัยอยู่ในต่างแดน กล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียได้เข้าสู่จุดใหม่ โดยเป็น “รัฐที่มีพรมแดนอันมิชอบด้วยกฎหมาย” เพราะไม่เพียงจะผนวกรวมดินแดนที่ไม่ได้รับการยอมรับจากชาติอื่นหรือจากองค์กรระหว่างประเทศ แต่ยังไม่มีฝ่ายบริหารส่วนกลางด้วย
ยูเครนมีปฏิกิริยาอย่างไร
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ตอบโต้การผนวกดินแดนของรัสเซียด้วยการเร่งกระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโตให้ได้โดยด่วน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของผู้นำยูเครนจากในช่วงต้นสงครามที่ประกาศจะหยุดกดดันให้นาโตรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก และตอนนี้เขารู้ดีว่าจะต้องโน้มน้าวใจสมาชิกทุกชาติให้ยอมเห็นดีด้วย แม้ตุรกีคือหนึ่งในประเทศที่จะคัดค้านก็ตาม
นายเซเลนสกี ยังประกาศจะขับไล่กองทัพรัสเซียออกจากประเทศให้หมดสิ้น และจะไม่ยอมให้รัสเซียยึดพื้นที่ใดของยูเครนไปได้อีก
สงครามอยู่ในจุดอันตรายแค่ไหน
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าประธานาธิบดีปูตินกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถ้อยคำในสุนทรพจน์ที่เขากล่าวในพิธีผนวกดินแดนครั้งนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกต่อต้านชาติตะวันตก อีกทั้งต้องการให้โลกตะวันตกเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าการโจมตีดินแดนที่รัสเซียยึดไปจากยูเครนจะถือเป็นการโจมตีต่อประเทศรัสเซียโดยตรง
แต่ความขัดแย้งความนี้จะทวีความรุนแรงขึ้นไปไกลแค่ไหน
ที่ผ่านมา นายปูตินได้ขู่จะใช้สรรพกำลังทั้งหมดที่มีในการปกป้องดินแดนของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ “นี่ไม่ใช่คำอวดอ้าง” เขากล่าวขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมของเขากล่าวว่ารัสเซียกำลังต่อสู้กับชาติตะวันตกมากกว่ายูเครน
……
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว