- สตีฟ โรเซนเบิร์ก
- บรรณาธิการข่าวรัสเซีย
คลิปวิดีโอความยาว 6 นาที เต็มไปด้วยภาพที่สั่นไหว แต่เนื้อหาการสนทนาที่บันทึกเอาไว้ได้นั้นมีความน่าสนใจยิ่งนัก
วิดีโอที่บีบีซีได้เห็นถ่ายขึ้นที่เมืองพอดปอโรเชียในรัสเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปราว 500 ไมล์ เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานเกณฑ์ทหารกำลังประชุมเพื่อตัดสินใจว่า มิคาอิล อาชิเชฟ ชาวเมืองนี้ควรได้รับการเกณฑ์ทหารเพื่อไปสู้รบในยูเครนหรือไม่
- ขาลงยางพารา ราคาร่วงฉุดไม่อยู่ 10 วันราคาตกลงไปแล้ว 7 บาทกว่า
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
มิคาอิลปฏิเสธเข้ารับการเกณฑ์ทหารครั้งนี้
“ผมไม่ใช่คนรักสันติ” มิคาอิลอธิบายต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ “ถ้าประเทศอื่นพยายามเข้ายึดครองบ้านเกิดเมืองนอนของผม หรือเข้ารุกรานรัสเซีย ผมจะตรงไปสมัครเป็นทหารทันที โดยไม่รอจดหมายเรียกเกณฑ์ทหาร แต่ในกรณีนี้ ผมเชื่อว่าไม่มีภัยคุกคามทางทหารต่อแผ่นดินเกิดของผม”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งแย้งว่า “แต่มาตุภูมิของเรากำลังตกอยู่ในอันตราย”
“มาตุภูมิของผมไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายก่อนหน้าวันที่ 24 ก.พ.” มิคาอิลตอบ โดยอ้างอิงถึงวันที่รัสเซียยกทัพเข้ารุกรานยูเครน
มิคาอิล วัย 34 ปี ทำงานเป็นช่างเครื่องกล แม้ที่ผ่านมารัสเซียจะกลายเป็นรัฐเผด็จการมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งบรรดานักสิทธิพลเมืองและสิทธิมนุษยชนถูกปราบปรามขนานใหญ่ แต่มิคาอิลบอกว่ารัฐธรรมนูญรัสเซียให้สิทธิเขาสามารถคัดค้านเรื่องเข้ารับการเกณฑ์ทหารได้ และเขาก็ปฏิเสธที่จะจับอาวุธไปสู้รบในยูเครน
“ตอนที่ผมยืนอยู่ตรงนั้น แล้วพูดสิ่งต่าง ๆ ออกมา ผมเต็มไปด้วยความประหม่า” มิคาอิลเล่าความรู้สึกให้บีบีซีฟัง
“แต่เมื่อผมได้ย้อนกลับมาดูวิดีโอที่ถ่ายไว้ ในทางกลับกัน ผมได้เห็นความกลัวอยู่ในแววตาของเจ้าหน้าที่ที่ฟังผมอธิบาย ผมคิดว่านี่เป็นเพราะพวกเขาชินกับการปฏิบัติกับผู้คนราวกับเป็นวัตถุ ซึ่งพวกเขาสามารถเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปไว้อีกที่หนึ่งได้ หรือเอาแต่ออกคำสั่ง แต่จู่ ๆ ผมกลับพูดในสิ่งที่ผมพูดออกมาในตอนนั้น” เขากล่าว
“จากนั้นก็มีคำขู่ตามมาว่า ‘พวกเราจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งตำรวจ และพวกเขาก็จะเปิดการสอบสวน’ ผมรู้สึกว่าคนพวกนี้กลัวที่จะสูญเสียอำนาจการควบคุม พวกเขาชินกับการควบคุมทุกสิ่ง” มิคาเอลบอก
ประธาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่า ขณะนี้มีการเรียกระดมพลทหารกองหนุนไปแล้ว 220,000 นายนับแต่เขาประกาศ “ระดมกำลังพลบางส่วน” เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่านายปูตินจะระบุว่า การเรียกระดมกำลังพลครั้งนี้จะยุติลงในเร็ววัน แต่รัฐบาลรัสเซียก็ไม่ยอมระบุวันที่ชัดเจน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ของทางการรัสเซียได้เผยแพร่ภาพทหารเกณฑ์ชุดใหม่เข้ารับการฝึกฝนในรัสเซีย พร้อมกับบทสัมภาษณ์ที่แสดงความรักชาติของพวกเขา
ในสัปดาห์นี้ มีการเผยแพร่ภาพประธานาธิบดีปูตินลงพื้นที่เยี่ยมกำลังพลชุดใหม่ที่สนามฝึกในแคว้นรีซาน เพื่อหวังเรียกแรงสนับสนุนเรื่องการเกณฑ์ทหารไปรบในยูเครน
ทว่าการเรียกระดมกำลังพลครั้งนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ในสังคมรัสเซีย เพราะเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา นายปูตินเคยประกาศจะไม่มีการเรียกระดมกำลังทหาร โดยให้คำมั่นว่าจะ “ใช้ทหารอาชีพ” ใน “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ครั้งนี้เท่านั้น
ทว่าสถานการณ์ได้พลิกผัน และทำให้ผู้นำรัสเซียประกาศ “ระดมกำลังพลบางส่วน” โดยขอให้ชายชาวรัสเซียหลายแสนคนเข้ารับการเกณฑ์ทหาร
นี่ทำให้สงครามยูเครนส่งผลกระทบต่อคนรัสเซียมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้ เพราะจู่ ๆ สามี พ่อ และลูกชายของพวกเขาได้ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหาร แล้วถูกส่งตัวไปยังพื้นที่แนวหน้าการสู้รบ บางรายถูกส่งไปทั้งที่ไม่ได้รับการฝึกฝนหรือมีอุปกรณ์ที่จำเป็น ส่งผลให้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทหารเกณฑ์รัสเซียได้โพสต์คลิปทางโซเชียลมีเดียเพื่อบอกเล่าถึงสภาพความยากลำบาก และปัญหาขาดแคลนสิ่งของจำเป็นที่พวกเขาต้องเผชิญ
“ผู้คนรอบข้างต่างหวาดกลัวที่จะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร” มิคาอิลเล่าให้บีบีซีฟัง “เพราะตอนนี้มันได้ส่งผลกระทบต่อทุกคน”
หลังจากปฏิเสธเข้าเป็นทหาร มิคาอิลได้ถูกกลั่นแกล้งและรังแกทางโซเชียลมีเดีย
“เขาเป็นคนตาขาว เหมือนหนูที่หนีออกจากเรือ” ผู้แสดงความคิดเห็นรายหนึ่งบอก
ส่วนอีกคนเขียนว่า “คนที่ทำแบบนี้ อย่าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายเลย”
แต่ขณะเดียวกัน มิคาอิลก็ได้รับเสียงชื่นชม และแรงสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อความกล้าหาญในการยึดมั่นในจุดยืนของตัวเอง
“ทำดีมากมิคาอิล คุณช่างกล้าหาญและซื่อตรง” ผู้แสดงความเห็นรายหนึ่งกล่าว
ส่วนอีกคนบอกว่า “การปฏิเสธการเข่นฆ่าคือความมีมนุษยธรรมและความหาญกล้า”
บ้างก็ชื่นชมว่า “คนดี คุณไม่ได้หลบลี้หนีหาย คุณตั้งคำถามถูกต้องแล้วว่า : ใครกันแน่ที่วางแผนโจมตีพวกเราก่อนวันที่ 24 ก.พ.”
มิคาอิลตั้งใจที่จะใช้ช่องทางตามกฎหมายทุกอย่างในการปกป้องจุดยืนของตัวเอง
แต่ถ้าเขาแพ้คดีล่ะ ?
“ตอนที่การระดมกำลังพลเป็นเพียงประเด็นที่อาจเกิดขึ้นได้ ผมก็ได้ตัดสินใจและตกลงกับครอบครัวแล้วว่า หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ผมจะไม่ยอมเข้าเกณฑ์ทหารเด็ดขาด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะส่งผมเข้าคุกก็ตาม ถ้าผมต้องทำ ผมจะเลือกติดคุก ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว พวกเราต่างรู้ดีว่า [ในยูเครน] ผู้คนกำลังล้มตายอยู่ใต้ซากปรักหักพัง และพ่อแม่ต้องฝังศพลูกของพวกเขา” มิคาอิลบอก
“รัฐอาจมองว่าผมเป็นอาชญากรถ้าผมไม่ไปรบในสงครามครั้งนี้ แต่ผมไม่ใช่อาชญากรจากมุมมองทางมนุษยธรรม หรือของตัวผมเอง”
………..
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว