ฟุตบอลโลก 2022 : กกท. เผยบรรลุข้อตกลงถ่อยทอดสดแล้ว ได้ชมครบทุกนัด

เว็บไซต์ข่าวหลายแห่งรายงานตรงกันว่าประเทศไทยได้บรรลุข้อตกลงกับการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 กับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) จำนวน 64 แมตช์ เรียบร้อยแล้วในมูลค่า 33 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,400 ล้านบาท

เว็บไซต์มติชนรายงานเมื่อ 17 พ.ย. อ้างคำแถลงของ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ว่าคนไทยจะได้รับการถ่ายทอดสดครบ 64 แมตช์ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการเซ็นสัญญากับฟีฟ่า และดำเนินการเรื่องการเตรียมการถ่ายทอดสด

ฟุตบอลโลก

ที่มาของภาพ, KARIM JAAFAR/Getty Images

จำนวนที่ต้องจ่ายทั้งหมดจะอยู่ที่ราว 1,400 ล้านบาท แม้ค่าเงินลิขสิทธิ์ เมื่อคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ราวๆ 1,180 ล้านบาท แต่ยังไม่คิดภาษีอีก 15% รวมทั้งต้องคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่มีการทำธุรกรรม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

นายก้องศักด กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ประสานงานภาคเอกชนจนสำเร็จดังกล่าว รวมไปถึงคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ไอโอซีเมมเบอร์ชาวไทย, คุณสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล ที่ปรึกษาสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ที่ช่วยประสานงานอย่างเต็มที่ รวมไปถึงภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนเพื่อให้คนไทยได้รับชม

ADVERTISMENT

เมื่อ 14 พ.ย. นายก้องศักด กล่าวว่า ราคาก่อนหน้าที่ 1,600 ล้านบาท “เพราะเป็นราคาที่มากเกินควรในสายตาของพี่น้องประชาชน ในสายตาของการกีฬา(แห่งประเทศไทย)ด้วย ที่เมื่อเทียบกับลิขสิทธิ์ประเทศเพื่อนบ้านที่ได้ซื้อไป”

ก่อนหน้านี้มีรายงานระบุว่าค่าลิขสิทธิ์และค่าดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทั้งหมด 1,600 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวน 600 ล้านบาทจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสชท.) ที่มีมติอนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ให้ กกท. เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 และผู้สนับสนุนจากภาคเอกชนทั้งหมด 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 400-500 ล้านบาท รวมเป็นจำนวน 1,100 ล้านบาท

ADVERTISMENT

นไทยสนใจกีฬาฟุตบอลราว 62% ของประชากร

กระแสความนิยมกีฬาของคนไทยถือว่ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าที่ผ่านมาจะเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทวิจัยชั้นนำจากต่างประเทศ นีลเส็น เปิดเผยข้อมูลที่จัดทำขึ้นพิเศษสำหรับเผยแพร่กับบีบีซีไทยว่า โดยข้อมูลบอกกีฬาที่คนไทยติดตามมากที่สุดของปี 2565 คือ กีฬาฟุตบอล จากการสำรวจในกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 16-69 ปี คิดเป็น 62% ของคนไทยทั้งประเทศ หรือ 31.9 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ราว 7%

นักฟุตบอล

ที่มาของภาพ, Getty Images

สำหรับช่องทางในการรับชมกีฬาของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปครับ ในปีนี้ ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social media) เป็นอันดับ 1 ส่วนรายรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายยังคงครองใจคนไทย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของนีลเส็นบอกว่าเทศกาลฟุตบอลโลกที่กำลังจะถึงกลุ่มธุรกิจคาดว่าจะมีความคึกคักขึ้นแน่นอน เพราะช่วงกีฬาใหญ่แห่งปี แบรนด์ต่าง ๆ จะมีการอัดโฆษณาสูงมาก

จากข้อมูลที่จัดเก็บของนีลเส็น พบว่า มีคนไทยกว่า 59% ที่ชื่นชอบและรอการติดตามของรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งเป็นรายการที่ได้รับคะแนนสูงสุดในหมวดกีฬา อุตสาหกรรมที่เข้ามาร่วมในตลาดจะเริ่มขยายตัวมากขึ้น เดิมที่จะเป็นบริษัทเครื่องดื่ม หรือแอลกอฮอล

นอกจากนี้ถ้าในแง่ของเรตติ้ง นีลเส็นมองว่าช่องที่จะได้ถ่ายทอดสดจะได้รับเรตติ้งสูงสุดอย่างแน่นอน เพราะช่วงนี้รายการถ่ายทอดสดกีฬามาแรง โดยจากข้อมูลจากการวัดความนิยมรายการโทรทัศน์ข้ามแพลตฟอร์มสื่อ (Cross platform ratings) ที่มีการวัดเรตติ้งทั้งจากทีวีและผู้ชมทางช่องทางดิจิทัล ในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. ที่ผ่านมาพบว่า รายการที่ได้รับเรตติ้งสูงสุดคือ การแข่งขันวอลเล่บอลชิงแชมป์โลก

………

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว