ครบรอบ 100 ปี สงครามกลางเมืองไอร์แลนด์ ความขัดแย้งบนเส้นทางสู่เอกราชที่คร่าชีวิตคนนับพัน

 

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ปี 1922 เหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังของผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐไอร์แลนด์สองฝ่าย ที่สำนักงานศาลยุติธรรมสูงสุด 4 ศาล หรือที่เรียกกันว่า Four Courts ในกรุงดับลิน ได้กลายเป็นการจุดชนวนเริ่มต้นสงครามกลางเมืองที่ยาวนานถึงหนึ่งปีเต็ม

สงครามกลางเมืองครั้งนี้ได้คร่าชีวิตของทหาร นักการเมือง และประชาชนไปกว่าพันคน ด้วยสาเหตุจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างกลุ่มผู้ต่อสู้เพื่อให้ได้เอกราชจากอังกฤษด้วยกันนั่นเอง

ย้อนไปเมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านั้น กลุ่มนักการเมืองชาตินิยมที่นำโดยนายไมเคิล คอลลินส์ ผู้นำกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์หรือไออาร์เอ (IRA) เข้าต่อสู้ในสงครามเพื่ออิสรภาพจากอังกฤษระหว่างปี 1919-1921 ได้ลงนามในสนธิสัญญาอังกฤษ-ไอร์แลนด์ (Anglo – Irish Treaty)

สนธิสัญญาดังกล่าวรับรองการก่อตั้งรัฐอิสระภายในจักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งชาวไอริชจะมีสิทธิปกครองตนเองได้ (Irish Free State) โดยกลุ่มของเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อปกครองดูแลรัฐอิสระที่เกิดขึ้นใหม่ชั่วคราว

นายไมเคิล คอลลินส์ (คนที่ 2 ในแถว) ในพิธีรับมอบอำนาจจากอังกฤษที่ปราสาทดับลิน

ที่มาของภาพ, Getty Images

การลงนามในสนธิสัญญานี้ สร้างความร้าวฉานแตกแยกในหมู่ผู้ต่อสู้เพื่อเอกราชของไอร์แลนด์ โดยมีอีกฝ่ายที่นำโดยนายเอียมอนด์ เดอ วาเลอรี ไม่พอใจฝ่ายรัฐบาลเฉพาะกาลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเห็นว่าพวกของนายคอลลินส์ไม่ยอมต่อสู้จนถึงที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชอย่างสมบูรณ์แบบ แต่กลับไปยอมรับเงื่อนไขของอังกฤษ ที่ยังคงเดินหน้าแบ่งแยกเอาดินแดนไอร์แลนด์เหนือออกไปเป็นของตน และทำให้ไอร์แลนด์ยังคงต้องถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อกษัตริย์อังกฤษอยู่ต่อไป

ด้านนายคอลลินส์ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคซินน์เฟน (Sinn Fein) อ้างว่าสนธิสัญญาอังกฤษ-ไอร์แลนด์ ที่ตนลงนามนั้น ได้สลัดทิ้งพันธะที่เคยผูกมัดไอร์แลนด์ให้อยู่ใต้การปกครองของเจ้าอาณานิคมไปมากแล้ว และเป็นหนทางที่ดีกว่าเพื่อไปสู่การมีเอกราชสมบูรณ์ และการรวมดินแดนไอร์แลนด์เหนือกลับคืนมาในที่สุด

จุดยืนที่แตกต่างกันของทั้งสองฝ่าย ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนในการลงมติของรัฐสภาที่กรุงดับลิน โดยเสียงสนับสนุนและคัดค้านการทำสนธิสัญญาดังกล่าวอยู่ที่ 64 ต่อ 57 คะแนน ซึ่งเท่ากับว่าฝ่ายสนับสนุนชนะไปด้วยคะแนนห่างกันเพียง 7 เสียงเท่านั้น

ภายในเวลาเพียงครึ่งปี ความขัดแย้งนี้ได้กลายเป็นการประหัตประหารและความรุนแรงเหลือเชื่อในสงครามกลางเมือง ซึ่งศาสตราจารย์มารี โคลแมน นักประวัติศาสตร์มองว่า แท้จริงแล้วเหตุนองเลือดนี้สามารถจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ต้น ทว่านักการเมืองชาตินิยมทั้งสองฝ่ายกลับปล่อยให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายไปอย่างมาก ตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 1922 จนแม้กระทั่งกองทัพไออาร์เอก็แตกแยกตามไปด้วย ทำให้การเผชิญหน้าด้วยกำลังทหารไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป

ในเดือนพฤษภาคม ปี 1922 ฝ่ายต่อต้านสนธิสัญญาอังกฤษ-ไอร์แลนด์ ได้บุกเข้ายึดอาคารสำนักงานศาลยุติธรรมสูงสุด 4 ศาล หรือที่เรียกกันว่า Four Courts ในกรุงดับลิน โดยใช้กำลังทหารของตนยึดพื้นที่เอาไว้ได้นานถึง 2 เดือน

ศาสตราจารย์มารี โคลแมน นักประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตาม เกิดเหตุยิงสังหารเซอร์เฮนรี วิลสัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไอร์แลนด์จากพรรค Ulster Unionist ที่กรุงลอนดอนในเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้อังกฤษออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดให้รัฐบาลเฉพาะกาลปราบปรามฝ่ายต่อต้านให้สิ้นซาก ส่งผลให้เกิดการปะทะและบุกยึดคืน Four Courts ได้สำเร็จ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน

สงครามกลางเมืองไอร์แลนด์สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของฝ่ายรัฐบาลเฉพาะกาล ในเดือนพฤษภาคมปี 1923 โดยนักประวัติศาสตร์ประมาณการว่า น่าจะมีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนในเหตุการณ์นี้กว่า 1,000 ราย รวมถึงตัวนายคอลลินส์เองซึ่งถูกยิงที่ County Cork ในเดือนสิงหาคม ปี 1922

ทหารของฝ่ายรัฐบาลเฉพาะกาล นำตัวสมาชิกของกองกำลังฝ่ายต่อต้านออกมาจาก Four Courts

ที่มาของภาพ, Getty Images

สงครามกลางเมืองครั้งนี้ ได้สร้างฉากทัศน์ทางการเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งยังคงดำเนินสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีพรรคการเมืองสองขั้วที่แบ่งแยกกันตามจุดยืนต่อสนธิสัญญาอังกฤษ-ไอร์แลนด์ ในครั้งนั้น ได้แก่พรรค Fianna Fáil ของฝ่ายต่อต้าน และพรรค Fine Gael ของฝ่ายสนับสนุนซึ่งเคยเป็นรัฐบาลเฉพาะกาลในอดีต

แต่ดูเหมือนว่าการเมืองสองขั้วในแบบยุคสงครามกลางเมืองได้จบสิ้นลงไปแล้ว หลังจากทั้งสองพรรคเห็นพ้องที่จะเป็นพันธมิตรร่วมรัฐบาลเดียวกันครั้งแรก ในปี 2020

……..

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว