เมื่อ 12 นาทีที่ผ่านมา
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่าได้ถอนทหารออกจากเกาะงู เกาะในทะเลดำซึ่งกลายเป็นจุดสนใจของชาวโลกในช่วงแรกของการสู้รบที่เกิดขึ้นในยูเครน
รัสเซียระบุว่า “เป็นการส่งสัญญาณในทางดีว่ากองกำลังรัสเซียได้เสร็จสิ้นปฏิบัติการบนเกาะงู และได้ถอนกำลังรักษาการณ์ออกจากที่นั่นแล้ว” เพื่อชี้ให้ประชาคมโลกเห็นว่า สหพันธรัฐรัสเซียไม่ได้ต้องการหยุดยั้งความพยายามของสหประชาชาติที่ต้องการสร้างระเบียงมนุษยธรรมเพื่อให้สามารถขนส่งผลิตผลทางการเกษตรออกจากยูเครน ดังนั้นยูเครนจึงไม่อยากพูดได้อีกว่าวิกฤตด้านอาหารที่เกิดขึ้น และปัญหาการส่งออกธัญพืชไม่ได้ “เป็นเพราะรัสเซียควบคุมพื้นที่ทางตะวันเฉียงเหนือของทะเลดำ”
อย่างไรก็ดี ศูนย์บัญชาการกองกำลังทางตอนใต้ของยูเครนอ้างว่าประสบชัยชนะในการผลักดันให้ทหารรัสเซียออกจากเกาะงูไป โดยการโจมตีซึ่งยูเครนใช้ทั้งขีปนาวุธและปืนใหญ่ในช่วงข้ามคืน ทำให้ทหารรัสเซียที่ประจำการอยู่ต้องหนีลงเรือเร็วสองลำแล่นออกจากเกาะไป
ไม่ว่าข้อกล่าวอ้างของฝ่ายใดจะเป็นจริง แต่ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการได้เงาะกูกลับคืนมานอกจากจะเป็นชัยชนะของยูเครนแล้ว ยังส่งผลดีต่อทั่วโลกที่เส้นทางขนส่งทางเรือในทะเลดำจะกลับมามีความปลอดภัยอีกครั้ง
ด้านจัสติน บรองค์ แห่งสถาบันศึกษาด้านกลาโหมและความมั่นคงของสหราชอาณาจักร ให้ความเห็นว่า รัสเซียประสบความยากลำบากในการควบคุมเกาะงู โดยที่ผ่านมายูเครนสามารถใช้เครื่องบินรบโจมตีทำลายระบบต่าง ๆ ที่รัสเซียวางไว้บนเกาะงูได้สำเร็จ และแม้ว่ารัสเซียจะพยายามนำระบบเข้าไปติดตั้งใหม่ก็ถูกยูเครนโจมตีเสียหายในระหว่างทาง
เกาะสำคัญทางยุทธศาสตร์
เกาะงูหรือเกาซมินีนั้นมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อย่างมากแม้จะมีขนาดเล็ก เนื่องจากเป็นสถานที่สำคัญที่ยูเครนใช้อ้างอิงในการกำหนดอาณาเขตทางทะเล
ในช่วงแรกของสงครามที่เริ่มต้นเมื่อเดือน ก.พ. 2565 สื่อสังคมออนไลน์ของยูเครนเผยแพร่เรื่องราวที่ทหาร 13 คน บนเกาะงูพลีชีพต้านทานการโจมตีจากเรือรบรัสเซีย โดยกองทัพเรือยูเครนแถลงในขณะนั้นว่า วีรบุรุษเหล่านี้และทหารคนอื่น ๆ บนเกาะงูยังคงมีชีวิตอยู่และสบายดี รวมถึงทหารยูเครนคนที่ปฏิเสธจะยอมจำนนและตะโกนบอกให้เรือรบรัสเซีย “ไปตายซะ”
กองทัพเรือยูเครนระบุในตอนนั้นว่า กองกำลังรักษาชายแดนและหน่วยนาวิกโยธินบนเกาะงู 82 นาย ต่อสู้อย่างเต็มกำลังความสามารถจนกระสุนหมด แต่ก็ไม่อาจจะต้านทานเรือรบรัสเซียซึ่งยิงทำลายประภาคาร หอคอย เสาอากาศสื่อสาร และโครงสร้างพื้นฐานทางทหารต่าง ๆ บนเกาะจนพังราบคาบ ทำให้กองกำลังยูเครนจำต้องวางอาวุธและยอมจำนนต่อฝ่ายรัสเซีย
กองกำลังรัสเซียได้เข้าควบคุมตัวทหารยูเครนบนเกาะงู รวมทั้งเรือกู้ภัยของพลเรือนยูเครนที่พาหมอและนักบวชมาให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ทหารบนเกาะด้วย ซึ่งฝ่ายยูเครนประณามว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม คาดว่ากองกำลังรัสเซียจะปล่อยตัวคนเหล่านี้กลับภูมิลำเนาในไม่ช้า
สหรัฐเพิ่มกำลังทหารในยุโรป
อีกด้านหนึ่งในการประชุมใหญ่ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ สหรัฐได้ตัดสินใจเพิ่มกำลังทหารทั่วยุโรปเพื่อตอบโต้ที่รัสเซียรุกรานยูเครน โดยจะตั้งฐานทัพถาวรในโปแลนด์ ส่งเรือรบไปยังสเปน ส่งเครื่องบินรบไปสหราชอาณาจักร และส่งกองกำลังภาคพื้นดินไปยังโรมาเรีย
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐให้เหตุผลว่า นี่เป็นสิ่งที่กลุ่มพันธมิตรนาโต “จำเป็นต้องได้รับมากกว่าห้วงเวลาใด ๆ ในอดีต” ในเวลาเดียวกัน สหราชอาณาจักรก็จะจัดหาเรือรบ เครื่องบินรบ และกำลังภาคพื้นดินไปสนับสนุนนาโต้เพิ่มเติม แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดที่ชัดเจน โดยอ้างว่าเป็นข้อมูล “ที่อ่อนไหวทางการทหาร”
นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ ชี้ว่าเป็นการยกเครื่องกองกำลังนาโตครั้งใหญ่ นับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น แผนของนาโต้ก็คือการเสริมกำลังพร้อมรบเพิ่มเติมจาก 4 หมื่น เป็น 3 แสนนาย และจะทำให้สำเร็จภายในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม การเสริมกำลังทหารสหรัฐในยุโรป โดยเฉพาะการจะตั้งฐานทัพถาวรในโปแลนด์ซึ่งอยู่ในยุโรปตะวันออกนั้นมองได้ว่าเป็นความพยายามที่จะคงบทบาทของกองทัพสหรัฐเอาไว้ทั่วภูมิภาค เพื่อตอบสนองต่อการรุกรานชาติใดชาติหนึ่งที่นายไบเดน ถือว่า “เป็นการโจมตีพวกเราด้วยกันทั้งหมด”
สำหรับแผนของสหรัฐที่จะทำนับจากนี้คือ :
- เพิ่มจำนวนเรือพิฆาตในสเปน จาก 4 เป็น 6 ลำ
- เพิ่มการสับเปลี่ยนกำลังกองพลน้อยในโรมาเนียที่มีอยู่ 3 พันนาย และชุดรบอีก 2 พันนาย
- ส่งเครื่องบินขับไล่ F-35 ให้สหราชอาณาจักรอีก 2 ลำ
- เสริมกำลังทางอากาศและอื่น ๆ ในเยอรมนี และอิตาลี
ตุรกีไม่ขวางฟินแลนด์-สวีเดน ร่วมนาโต้
การประชุมนาโต้ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ เพราะมีการวางแผนกันว่าต่อไปนี้พันธมิตรชาติตะวันตกจะร่วมกันป้องกันยุโรปอย่างไรต่อไปในอนาคต
ก้าวสำคัญที่เกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้คือตุรกียอมสนับสนุนให้ฟินแลนด์ และสวีเดน ร่วมเป็นสมาชิก
ก่อนหน้านี้ตุรกีคัดค้านเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าทั้งสองชาติหนุนหลังกลุ่มนักรบชาวเคิร์ดซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลตุรกี แต่ว่านับจากนี้นาโต้จะผลักดันให้สวีเดนและฟินแลนด์ส่งตัวผู้ต้องสงสัยว่าเป็นนักรบกลับไปตามที่ตุรกีต้องการ และสวีเดนกับฟินแลนด์จะยกเลิกข้อห้ามขายอาวุธให้ตุรกีด้วย จึงเป็นเหตุผลให้ตุรกีไม่คัดค้าน
……..
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว