‘ชัยวุฒิ’ ซัด ก.ล.ต.ปล่อยปละละเลยให้จัดตั้ง ‘Forex 3D’ หลอกลวง ประชาชนลงทุนเสียหายนับหมื่นล้าน แจง ดีอีเอสไม่มีอำนาจปิดเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มลงทุน หากหน่วยงานต้นทางไม่รวบรวมพยานหลักฐานส่งมา
วันที่ 18 กันยายน 2565 มติชน รายงานว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวถึงการหลอกลวงประชาชนในคดี Forex 3D เสียหายเป็นหมื่นล้านว่า ในส่วนของกระทรวงดิจิทัลมีความเป็นห่วงในเรื่องของการเชิญชวนคนมาลงทุนทางช่องทางโซเชียลมีเดีย ผ่านทางเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั้งช่องทางเฟซบุ๊ก หรือช่องทางในระบบคอมพิวเตอร์
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
ซึ่งมีการเชิญชวนร่วมลงทุนหลายรูปแบบ และกระทรวงได้ติดตามต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าโดยอำนาจหน้าที่ของกระทรวงไม่สามารถไปปิดเว็บไซต์ หรือปิดกั้นโซเชียลมีเดียนั้นได้ทันที เนื่องจากต้องรอให้หน่วยงานที่มีอำนาจรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อมีความผิดตามกฎหมาย ถึงจะส่งเรื่องมายังกระทรวงเพื่อปิดเว็บไซต์ และแจ้งเตือนประชาชน
นายชัยวุฒิกล่าวว่า ขณะเดียวกัน ส่วนตัวเสียดายที่ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ที่ไม่ทำหน้าที่ มีการปล่อยปละละเลยให้มีการจัดตั้งบริษัทมาลงทุน และทำให้ประชาชนเสียหายนับหมื่นล้านบาท โดยที่ไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับไปจับผิดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ใส่ใจเรื่องใหญ่
จึงขอฝากไปยัง ก.ล.ต.ต้องปรับปรุงการทำงานเพราะต้องทำงานตรวจสอบเชิงลึก สอบถามถึงต้นตอที่มาที่ไปของบุคคลที่จะมาลงทุน เพื่อป้องกันไม่ให้มาหลอกลวงนักลงทุน อีกทั้ง ก.ล.ต.เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็ต้องลงมาดูด้วย พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี และแจ้งไปยังกระทรวงดิจิทัล เพื่อปิดเฟซบุ๊กไม่ให้หลอกลวงประชาชนอีกต่อไป
“ไม่ใช่ ก.ล.ต.รอให้คนเสียหายเป็นหมื่นล้านบาทแล้วดำเนินคดี ส่วนการแก้กฎหมายในส่วนของกระทรวงดิจิทัล สิ่งแรกต้องใช้กฎหมายเดิม คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในส่วนของ ก.ล.ต.ก็ต้องเข้าไปกำกับดูแลนักลงทุนกันเอง โดยต้องดูแลเชิงลึก ไปตรวจสอบติดตามการลงทุนของประชาชนในช่องทางมีเดีย ว่ามีใครมาหลอกลวงบ้าง ไม่ใช่ว่าดูแค่การลงทุน
“ต้องดูถึงการเชิญชวนคนมาลงทุนโดยที่ไม่ขออนุญาตด้วย เมื่อพบว่ามีคนทำผิดกฎหมายก็ต้องรีบมาประสานกระทรวงดิจิทัล เพื่อใช้อำนาจ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เข้าไปปิดกั้นปิดเว็บไซต์ ไม่ใช่เมื่อทำไปแล้วค่อยแจ้งเตือนประชาชน ก็จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น” นายชัยวุฒิกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงดิจิทัลมีการปรับปรุง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อให้รวบรวมพยานหลักฐานปิดเว็บให้ได้มากกว่านี้ ดังนั้น อำนาจจึงมีจำกัด แต่รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.ล.ต.เป็นคนส่งข้อมูลมา เพราะกระทรวงเองยังลงไปเก็บข้อมูลไม่ได้ ถือว่ายังเป็นข้อจำกัดในด้านนี้