ครม.เพิ่มสิทธิ Smart Visa ผู้มีศักยภาพสูง 18 อุตสาหกรรมเป้าหมาย

ต่างชาติอสังหา

ครม. เคาะให้ Smart Visa ให้นักลงทุน-ผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง 18 กลุ่มเป้าหมาย จากเดิม 13 กลุ่ม ดูดผู้มีทักษะสูง นักลงทุน ร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตอบสนองนโยบายประเทศ 4.0

วันที่ 27 กันยายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูง และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น (ฉบับที่..) พ.ศ. ….

สาระสำคัญ เพื่อปรับปรุงอุตสาหกรรมเป้าหมายสำหรับให้คนต่างด้าว ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูงและผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น มีสิทธิขออนุญาตเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (Smart Visa) จากเดิม 13 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็น 18 อุตสาหกรรมเป้าหมาย

โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เพิ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ (National Defense Industry) อุตสาหกรรมที่สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยตรงและมีนัยยะสำคัญ เช่น การผลิตเชื้อเพลิงจากขยะการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (Industries that facilitate the Circular Economy directly and significantly e.g. fuel production from waste,water resources management, etc)

อุตสาหกรรมอากาศยานและอวกาศ (Aviation and Aerospace Industry) การบริหารเทคโนโลยี นวัตกรรม และ Startup Ecosystem (Technology Innovation and Startup Ecosystem Management) การพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย (Targeted Technology Development) ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center-IBC)

ทั้งนี้ ผู้ได้รับการตรวจลงตราประเภท Smart Visa จะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น ได้รับการยกเว้นการขอใบอนุญาตทำงาน รายงานตัวทุก 1 ปี (จากเดิมทุก 90 วัน) สามารถเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง (Re-entry permit) คู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายจะได้รับสิทธิในการพำนัก/การทำงานได้ โดยมีระยะเวลาเท่ากับผู้ที่ได้รับสิทธิบัตร

“ร่างประกาศจะเป็นการช่วยดึงดูดบุคลากรทักษะสูงและนักลงทุนที่จะมีส่วนช่วยเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ตอบสนองการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนโยบายประเทศไทย 4.0 รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้แก่บุคลากรชาวไทย ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนด้วย” นายอนุชากล่าว