ครม.เห็นชอบเกณฑ์บีโอไอจูงใจต่างชาติ 4 กลุ่มเป้าหมายเข้าไทย 1 ล้านคน

นักท่องเที่ยว

ครม.ปรับเกณฑ์วีซ่าระยะยาว (LTR Visa) ดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่มเป้าหมายเข้าไทย 1 ล้านคน

วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (Long-Term Resident Visa : LTR Visa) ให้มีความครอบคลุมและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) หรือ BOI เสนอเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูง หรือมีความรู้ความเชี่ยวชาญให้เข้ามาพำนักหรือทำงานในไทยระยะยาวจำนวน 1 ล้านคน ใน 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่

  • กลุ่มที่ 1 กลุ่มประชาคมโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง
  • กลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
  • กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
  • กลุ่มที่ 4 กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญ

โดยออกเป็นร่างระเบียบและร่างประกาศรวม 3 ฉบับ ดังนี้

1.ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (ฉบับที่ …) พ.ศ. … มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน พ.ศ. 2540

โดยกำหนดให้ อาทิ ผู้พำนักระยะยาวและผู้ติดตาม รวมถึงบุคลากรกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศมีสิทธิใช้บริการที่ศูนย์บริการวีซ่าฯ และกำหนดให้ศูนย์บริการวีซ่าฯมีอำนาจในการแก้ไขและยกเลิกตราประทับที่ได้รับจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่รับผิดชอบอื่น รวมถึงการแก้ไขและยกเลิกการตรวจลงตราจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศได้

2.ร่างประกาศ สกท. เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (Long-Term Resident Visa)

มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขมติ ครม.เมื่อ 14 กันยายน 2565 ในเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย อาทิ

ผู้ยื่นคำขอกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง/ กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ ต้องแสดงกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ซึ่งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีระยะเวลาคุ้มครองคงเหลือไม่น้อยกว่า 10 เดือน ณ วันที่ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติ หรือสิทธิประกันสังคมที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ในประเทศไทย หรือเงินฝากบัญชีในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือครองมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ

กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง ต้องแสดงหลักฐานการมีรายได้ส่วนบุคคลขั้นต่ำ เช่น มีรายได้ส่วนบุคคลเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในระยะเวลา 2 ปีก่อนวันที่ยื่นคำขอ

กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญ ต้องแสดงสัญญาจ้างหรือสัญญาบริการกับกิจการในประเทศ หรือกับกิจการในต่างประเทศ

กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญต้องแสดงหลักฐานการมีประสบการณ์การทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายไม่น้อยกว่า 5 ปี ในห้วงระยะเวลา 10 ปี นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ยกเว้นผู้ที่เข้ามาทำงานในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ หรือสถาบันวิจัยของรัฐ หรือสถาบันฝึกอบรมเฉพาะทางของรัฐ หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกหรือเทียบเท่าขึ้นไป

3.ร่างประกาศ สกท.เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Smart Visa) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับรองคุณสมบัติผู้มีสิทธิขอ Smart Visa สำหรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ โดยยกเลิกประกาศ สกท. วันที่ 18 ธันวาคม 2561 แต่ยังคงประเภทคุณสมบัติและเงื่อนไขเดิมของ Smart Visa ตามมติ ครม. เมื่อ 6 พฤศจิกายน 2561 โดยมีรายละเอียดดังนี้

กำหนดคุณสมบัติคนต่างด้าวที่ประสงค์จะยื่นขอรับรองคุณสมบัติเพื่อขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Smart Visa) ต้องมีคุณสมบัติและเงื่อนไขตามที่ สกท. กำหนด อาทิ

1) ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

2) ต้องมีการลงทุนโดยตรงในนามของผู้ขอไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท ในกิจการที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐานในกระบวนการผลิต หรือการให้บริการ หรือในบริษัทเงินร่วมลงทุน

เพิ่มประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมายให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมายเดิมของ Smart Visa และอุตสาหกรรมเป้าหมายรวมทั้งอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีศักยภาพสูงในอนาคต อาทิ อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมอากาศยานและอวกาศ และอุตสาหกรรมที่สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เช่น การผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ