DTX จุดพลุ Digital Twin สู่ระบบจัดการอาคาร-โครงสร้างพื้นฐาน-เมือง

DITTO – TEAMG ร่วมทุนตั้ง “DTX” ชู Digital Twin รุกธุรกิจจัดการโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ เล็งกวาดบิ๊กโปรเจ็กต์ รัฐ-เอกชน

วันที่ 7 ธันวาคม 2565 นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยว่า DITTO และ TEAMG ร่วมทุนตั้งบริษัท ดี ที เอ็กซ์ จำกัด หรือ DTX เพื่อร่วมดำเนินงานโครงการนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดจากความเชี่ยวชาญที่เป็นจุดแข็งของทั้ง DITTO และ TEAMG มาพัฒนาร่วมกัน

โดย DTX จะทำธุรกิจที่เป็น Core Technology ที่เรียกว่า Digital Twin ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ทั้งสองบริษัทถือหุ้นเท่ากันฝ่ายละ 50% ของทุนจดทะเบียนและจำนวนหุ้น

“จากการที่ DITTO มีทีมพัฒนา มีโปรแกรมเมอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโลยีสารสนเทศ และการนำ DATA เข้าสู่ระบบ Digital ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ส่วน DTX ก็มีลักษณะคล้าย ๆ กับธุรกิจหลักของ DITTO แต่เป็นการนำข้อมูล ด้านการก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภค”

“ซึ่งถือเป็นข้อมูลประเภทหนึ่งเพื่อ transform มาสู่ระบบ Digital เช่นเดียวกัน ปกติ DITTO นำเอกสารเข้าสู่ระบบ Digital แต่ DTX นำข้อมูลระบบโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคมาเก็บแทน เป็นการเพิ่มมูลค่าการตลาด เพราะระบบงานก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภค เป็นโครงการขนาดใหญ่มีมูลค่าสูง ซึ่งทั้งงานก่อสร้าง สาธารณูปโภค ระบบน้ำ ข้อมูลเหล่านี้ทาง TEAMG มีพร้อม โดย DITTO จะทำหน้าที่แปลงมาอยู่ในรูป Digital” นายฐกรกล่าว

ดร.อภิชาติ สระมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือทีมกรุ๊ป (TEAMG) กล่าวว่า ทีมกรุ๊ปดำเนินงานด้านวิศวกรรมที่ปรึกษาแบบบูรณาการมายาวนานกว่า 45 ปี มีประสบการณ์ในการดำเนินงานโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) ทั้งของภาครัฐและเอกชน จึงเก็บข้อมูลด้านโครงสร้างพื้นฐานมหาศาลซึ่งส่วนใหญ่แล้วยังเป็นแบบเอกสาร Hard copy

โดย DTX จะนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบ Digital เพื่อให้เป็น Digital Information และนำมาปรับใช้ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากในอดีต

หนึ่งในนั้นคือ Building information Modeling (BIM) ซึ่งเป็นต้นแบบของ Digital Twin ทีมกรุ๊ปมีความเชี่ยวชาญในการนำ BIM มาใช้ในงานออกแบบ และงานควบคุมการก่อสร้างโครงการ จึงมีความพร้อมที่จะประยุกต์ใช้ข้อมูลจาก BIM ไปสู่การสร้าง Digital Twin Data เปลี่ยนจากข้อมูลบนกระดาษเป็น Digital information ช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดในรูปแบบ Software ที่พัฒนาขึ้นใหม่

“เราวางเป้าหมายสูงสุดหรือ Ultimate Goal คือ การบริหารจัดการเมืองทั้งเมืองหรือบริหารสมาร์ทซิตี้ ด้วยซอฟแวร์ที่พัฒนาขึ้นจากข้อมูลโครงสร้างของเรา”

ด้าน ผศ.ดร.พร วิรุฬห์รักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี ที เอ็กซ์ จำกัด หรือ DTX เปิดเผยว่า สำหรับเทคโนโลยี Digital Twin คือ แบบจำลองที่สะท้อนสถานะความเป็นจริงของวัตถุทางกายภาพ (Physical) ณ เวลานั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (Digital) ที่เปรียบเสมือนคู่แฝดที่คนหนึ่งอยู่ในโลกกายภาพ (Physical) และอีกคนหนึ่งอยู่ในโลกคอมพิวเตอร์ (Digital)

DTX จุดพลุ Digital Twin สู่ระบบจัดการอาคาร-โครงสร้างพื้นฐาน-เมือง
DITTO และ TEAMG ร่วมทุนตั้งบริษัท ดี ที เอ็กซ์ จำกัด หรือ DTX

ซึ่งแบบจำลองฝาแฝดสามารถแสดงรายละเอียด และคุณสมบัติเทียบเท่าวัตถุจริง สามารถให้ข้อมูลแบบ Real Time และจะถูกนำไปพัฒนา ปรับปรุงระบบการทำงาน ประหยัดค่าใช้จ่ายและช่วยให้ตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผศ.ดร.พร กล่าวอีกว่า อาจจะอธิบายง่าย ๆ ว่า Digital Twin เป็นการนำกายภาพของวัตถุนั้น ๆ เช่น ข้อมูลของอาคารสูงขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม ข้อมูลการก่อสร้าง ระบบน้ำ ระบบไฟ รวมถึงข้อมูลของเมือง ที่ปกติจะถูกบันทึกอยู่ในพิมพ์เขียว หรือเก็บไว้ในไฟล์คอมพิวเตอร์ทั่ว ๆ ไป

แต่ Digital Twin คือการนำข้อมูลหรือพิมพ์เขียวนั้นมาอยู่ในแพลตฟอร์มที่เป็นระบบ Digital สามารถดูได้แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและจะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต

“ผู้บริหารอาคาร ระบบสาธารณูปโภค อยากจะเห็นปริมาณการใช้ไฟฟ้าแบบ Real Time หากเป็นผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม ก็อยากเห็นว่าปริมาณน้ำท่วมหลังจากฝนตกลงมาเป็นอย่างไร ตรงไหนท่วมหนัก ตรงไหนไม่ท่วม เพื่อจะได้มีการแจ้งเตือน หรือผู้ว่าฯ ของเมืองที่เราเรียก Smart City อาจจำเป็นต้องเข้าถึง CCTV ดูความปลอดภัย ดูการจราจร ดูสถานการณ์สิ่งแวดล้อม”

“ดูความเสียหายของอุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่าง ๆ เช่น เครื่องสูบน้ำ ไฟถนน หรือการเฝ้าสังเกตการใช้พลังงาน ตัว Digital Twin ก็จะสามารถส่งสัญญาณมาโดยตรง ปราศจากคนกลาง ทำให้ข้อมูลที่ได้รับถูกต้องแม่นยำโปร่งใสไม่ผิดเพี้ยน” ผศ.ดร.พร กล่าว

สำหรับประโยชน์ที่จะได้จาก Digital Twin

1) ช่วยลดการพึ่งพาแรงงาน ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ช่วยให้ข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง

2) สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างฉับไวเพราะได้ข้อมูลที่เป็น Real Time ทำให้การตัดสินใจแก้ปัญหาได้ถูกต้องและทันท่วงที

3) ทำให้เห็นปัญหาที่เป็นภาพใหญ่ หรือเป็นแบบบูรณาการ จะทำให้องค์กรเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เกิดนโยบายใหม่ ๆ สำหรับกลุ่มลูกค้านั้น ที่ผ่านมาจะเป็นลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีสินทรัพย์ ที่เป็นอาคารสาธารณูปโภคสำหรับขายจำนวนมหาศาลแต่มีอุปสรรคในการติดตาม ตรวจสอบ บำรุงรักษา

ดังนั้น องค์กรที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการใช้ระบบอัจฉริยะเพื่อจัดการบริหาร “อาคาร โครงสร้างพื้นฐาน และเมือง” ที่ DTX กำลังสร้างขึ้นมานี้ คือ รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชนที่มีสินทรัพย์ที่ต้องดูแลจำนวนมาก และด้วยสิ่งที่จะได้จากข้อมูลการใช้งานของระบบจะสามารถพัฒนา AI เพื่อตอบสนองการแก้ปัญหา และช่วยผู้บริหารเมืองในการตัดสินใจด้านการปฏิบัติงานได้อย่างดี

“สมาร์ทซิตี้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นการทำงานแยกส่วนกัน กล้องส่วนกล้อง ไฟส่วนไฟ ด้วยระบบดิจิทัลทวินที่สามารถฉายโมเดลเมืองืั้งเมือง พร้อมข้อมูลในส่วน ๆ นั้น จะเป็นการเชื่อมโยงระบบต่าง ๆ เป็นระบบเดียวแล้วประมวลเป็น Dashboard เพื่อให้ผู้บริหารเรียกดูได้แบบเรียลไทม์ ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและตรงจุดขึ้น”

นอกจากนี้ ผศ.ดร.พร ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า ขณะนี้ DTX เริ่มมีลูกค้าแล้ว เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งที่จะเริ่มปรับโครงสร้างพื้ยฐานอาคารให้มี Digital twin เพื่อรองรับระบบอัจริยะที่กล่าวมา

ผศ.ดร.พร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2023 DTX มีแผนจะนำเสนอแอปพลิเคชั่น ที่เกี่ยวกับที่ดิน คือ การนำเอา DATA ที่เป็นจริงของสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ณ เวลานั้น (Physical) มาวิเคราะห์ในโลกคอมพิวเตอร์ (Digital) เพื่อบริหารความเสี่ยงในการลงทุนในที่ดิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะมีแอปพลิเคชั่นการบริหารนิคมอุตสาหกรรม โครงการสาธารณูปโภคด้านพลังงาน และการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น