เบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดอายุ 60-90 ปีขึ้นไป รับเงินขั้นต่ำ-สูงสุดเท่าไร

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ภาพจาก PIXABAY

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได คืออะไร จ่ายเมื่อไร และหลังจากมติ ครม. 28 มี.ค. ได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดได้ทันที เมื่อมีอายุตามช่วงขั้นบันได 

วันที่ 28 มีนาคม 2666 หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สอดรับกับข้อห่วงใยของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่องการรับลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประจำปีงบประมาณ 2567 ว่า

ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2567 หรือผู้เกิดก่อนวันที่ 2 ก.ย. 2507 รวมถึงผู้สูงอายุที่ย้ายภูมิลำเนาเข้ามาอยู่ในพื้นที่ อปท. แต่ยังไม่ได้ยื่นคำขอลงทะเบียน

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลของเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได้ว่า คืออะไร จ่ายเมื่อไร และแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได คืออย่างไร

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืออะไร

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คือ สวัสดิการที่ทางภาครัฐ จัดสรรให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ขึ้นไป เป็นเงินช่วยเหลือ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายค่าครองชีพในแต่ละเดือน เนื่องจากรายได้ของผู้สูงอายุอาจไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิขึ้นทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

1.มีสัญชาติไทย

2.มีอายุ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ก่อนอายุครบ 60 ปี ที่ https://www.dop.go.th/th/know/17/1759

3.ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่

  • ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
  • ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • ผู้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจำ

หมายเหตุ : ไม่รวมถึงผู้พิการ หรือผู้ป่วยเอดส์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548 หรือผู้ที่ได้รับสวัสดิการอื่นตามคณะรัฐมนตรี

หลักฐานประกอบการขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

1.บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่าย

2.ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่เป็นปัจจุบัน

3.สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารในนามผู้มีสิทธิ/ผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ (สำหรับกรณีประสงค์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร)

*** ในกรณีผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนด้วยตนเองได้ สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้

ระยะเวลาการลงทะเบียน

โดยระยะเวลาการลงทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 คือ กรณีผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 59 ปี สามารถลงทะเบียนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565-เดือนพฤศจิกายน 2565 และเดือนมกราคม 2566 ไปจนถึงเดือนกันยายน 2566 โดยจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไป เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์

หมายเหตุ : ผู้เกิดก่อน 2 กันยายน พ.ศ. 2507 (อายุ 59 ปี) เนื่องจากผู้สูงอายุที่เกิดตั้งแต่ 2 กันยายน พ.ศ. 2507-1 ตุลาคม 2507 เป็นผู้สูงอายุที่จะมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไป จากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ คือ เดือนตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นปีงบประมาณ 2568 ดังนั้นกลุ่มผู้สูงอายุดังกล่าวต้องลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

กรณีผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพ สามารถลงทะเบียนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565-เดือนพฤศจิกายน 2565 และเดือนมกราคม 2566 ไปจนถึงเดือนกันยายน 2566 โดยจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

สถานที่ลงทะเบียน

สำนักงานเขต หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้สูงอายุมีภูมิลำเนา

การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได้

  • อายุ 60-69 ปี 600 บาท /เดือน
  • อายุ 70-79 ปี 700 บาท/เดือน
  • อายุ 80-89 ปี 800 บาท/เดือน
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป 1,000 บาท/เดือน

ช่องทางการจ่ายเงิน

ภาครัฐจะโอนเงินผ่านธนาคารที่ผู้สูงอายุแจ้งมาให้ทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน หากวันที่ 10 ของเดือนใดตรงกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็จะเลื่อนเวลาจ่ายเงิน เป็นก่อนวันที่ 10 ของเดือนนั้น ๆ ดังนั้นอาจจะได้รับเงินไม่ตรงวันที่ 10 ในแต่ละเดือน

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ภาพจาก PIXABAY

รับเงินได้เมื่อไร

ผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยยังชีพเริ่มต้นในเดือนตุลาคมของทุกปี นับตั้งแต่ผู้สูงอายุมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีนั้น แต่เพราะการลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะเป็นการลงทะเบียนล่วงหน้า เพื่อรับเงินในปีงบประมาณถัดไป

กรณีประสงค์จะขอรับเงินเบี้ยผู้สูงอายุผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร ผู้สูงอายุสามารถแจ้งความประสงค์วิธีการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้วิธีใดวิธีหนึ่งเท่านั้น ดังนี้

  1. รับเงินสดด้วยตนเอง
  2. รับเงินสดโดยบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจ
  3. โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามตนเอง
  4. โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจ

แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แบบขั้นบันได

1.กรณีการย้ายภูมิลำเนา ให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุ ให้ได้ รับสิทธิในเดือนถัดไปทันที เพื่อไม่ให้เสียสิทธิการรับเงิน และกรมการปกครองจัดทำระบบที่สามารถตรวจสอบการย้ายภูมิลำเนาของผู้สูงอายุได้

รวมทั้งให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรมบัญชีกลางตรวจสอบข้อมูลและคำนวณงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นในแต่ละปี เพื่อส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นได้อย่างถูกต้อง

2.ให้ปรับอัตราการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ณ วันที่ผู้สูงอายุมีอายุครบในเดือนนั้นทันที ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุระหว่างปีงบประมาณ ทำให้ผู้สูงอายุ ที่มีอายุครบ 70, 80 และ 90 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้รับเบี้ยยังชีพในอัตราเดิมตลอดปีงบประมาณ จึงทำให้ผู้สูงอายุกลุ่มดังกล่าวเสียสิทธิ

3.กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณา ปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และหลักเกณฑ์แนวทางการรับลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของ อปท. พร้อมทั้งปรับปรุงระบบสารสนเทศการจัดการฐานข้อมูลเบี้ยยังชีพ เพื่อให้สามารถคำนวณการใช้จ่ายงบประมาณในการปรับอัตราการจ่ายเงินได้

4.คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) เร่งรัดการกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และนำเข้าที่ประชุม กผส. และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นนำมาพิจารณาเพื่อประกอบการแก้ไขระเบียบดังกล่าวด้วย

ข้อมูล : กรมกิจการผู้สูงอายุ