กกต.มติเอกฉันท์ ไม่อนุมัติ เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เป็นผู้ว่า กฟผ.คนใหม่

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่งหนังสือเวียนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณี กกต.มีมติเอกฉันท์ ไม่เห็นชอบแต่งตั้ง นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เป็นผู้ว่า กฟผ.คนใหม่ เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 (2) ว่าด้วยอำนาจ ครม. ในการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง

วันที่ 10 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ได้รับเอกสารหรือหนังสือเวียน ที่ส่งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 เรื่อง ผลการพิจารณาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คนใหม่ ซึ่ง ครม.มีมติรับทราบ ผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเสียงข้างมาก ไม่เห็นชอบแต่งตั้ง นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เป็นผู้ว่า กฟผ. คนใหม่

ทั้งนี้ เหตุผลของ กกต. ระบุตอนหนึ่งว่า ตามที่ ครม.เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ได้เห็นชอบให้นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่า กฟผ.และส่งให้ กกต.พิจารณาตามขั้นตอนแล้วนั้น ผลการพิจารณาของ กกต.เสียงส่วนใหญ่ ไม่อนุมัติตามที่ ครม.เสนอ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 169 (2) เนื่องจากพิจารณาแล้วว่ายังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน โดยนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ.คนปัจจุบันจะหมดวาระในวันที่ 21 สิงหาคม 2566 กกต.จึงให้รอรัฐบาลชุดใหม่มาพิจารณา หรือในการประชุม ครม.สามารถหารือและจัดทำข้อเสนอในเหตุผลเพิ่มเติมได้และยื่นไปยัง กกต.อีกครั้งได้

อำนาจที่ กกต. นำมาพิจารณาในการตีกลับการแต่งตั้งครั้งนี้ เป็นไปตามการหลักการแห่งรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่จำกัดการใช้อำนาจของรัฐบาลรักษาการไว้ โดยเฉพาะในกรณีที่คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงด้วยเหตุอายุสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร หรือในกรณีที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่

โดย กกต. อ้างถึงบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 169 กำหนดข้อห้ามว่า ด้วยเรื่องสำคัญ ๆ สำหรับรัฐบาลรักษาการไว้ ได้แก่

1) ห้ามอนุมัติงานหรือโครงการ ที่ก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว

2) ห้ามการแต่งตั้งโยกย้ายหรือถอดถอนบุคลากรของรัฐ เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน

3) ห้ามอนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน

4) ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐที่อาจมีผลในการเลือกตั้ง

สำหรับนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ได้รับการเห็นชอบ ให้ขึ้นเป็นผู้ว่า กฟผ. ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 มติตอนหนึ่ง ระบุว่า “เห็นชอบตามการแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ คือ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการซึ่งปฏิบัติงานที่บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป โดยจะได้รับผลตอบแทนตามที่กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบแล้ว”

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ได้ถูกคัดเลือกโดยการประชุมคณะกรรมการ กฟผ. ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 เห็นชอบให้เป็นผู้ว่าการคนใหม่แทนนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. ที่จะหมดวาระในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และได้นำรายชื่อดังกล่าวเสนอต่อนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เพื่อนำเสนอ ครม.

โดยนายเทพรัตน์ เอาชนะคู่แข่งที่ลงสมัครอีก 3 ราย คือ 1.นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง 2. นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน 3. น.ส.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยคณะกรรมการสรรหามีมติ 3 ต่อ 2 เลือกนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เป็นผู้ว่าการ กฟผ. คนใหม่