SCGP เผย Q2 กำไร 1,485 ล้าน โต 22% ครึ่งปีหลังรุกลงทุนอาเซียน

SCGP โชว์ผลงาน Q2/66 ทำรายได้ 32,216 ล้านบาท มีกำไรแข็งแกร่ง 1,485 ล้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 รุกขยายลงทุนในอาเซียน โฟกัส “เวียดนาม-อินโดนีเซีย” เดินหน้านวัตกรรม ‘Bio-based Plastic จากชิ้นไม้ยูคาลิปตัสสับ’ และ ‘Wooden Foodservice Packaging จากไม้ยูคาลิปตัส’ หนุนใช้ทรัพยากรทดแทน

วันที่ 25 กรกฎาคม 2566 นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP

เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น แม้ยอดขายชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรที่ปรับลดลง

SCGP 2Q66 Info B (v4) th - 66 07 24

โดยมีปัจจัยหลักมาจากการชะลอตัวของตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งมีวันหยุดราชการยาวในไตรมาสที่ผ่านมา

บริษัทมีรายได้จากการขาย 32,216 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อนหน้า EBITDA 4,681 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อนหน้า

และมีกำไรสำหรับงวด 1,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ กำไรสำหรับงวดในไตรมาส 2/66 ที่เติบโต มาจากการวางกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพฐานการผลิตในประเทศต่าง ๆ

การเสริมแกร่งระหว่างธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ การรวมคำสั่งซื้อวัตถุดิบและจองระวางเรือขนส่งสินค้า และเพิ่มการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวเนื่อง (Cross-Selling)

นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ลดลง รวมถึงค่าระวางเรือขนส่งสินค้า ตลอดถึงการปรับสัดส่วนการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด

โดยเพิ่มการผลิตเยื่อเคมีละลายน้ำได้ (Dissolving Pulp) ซึ่งมีราคาขายที่ดี เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่เพิ่มขึ้น

SCGP 2Q66 Info A (v2) th 2 - 66 07 24

ภาพรวมความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคในอาเซียนฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, อาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง และบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งออกผลไม้ยังประเทศจีนปริมาณสูงมากนอกจากนี้ ยังมีปริมาณการขายกระดาษพิมพ์เขียนเพิ่มขึ้น ในช่วงเปิดภาคการศึกษา และการเลือกตั้งที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายจากเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังผันผวน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง

ทำให้การส่งออกสินค้าในกลุ่มสินค้าคงทนและสินค้าฟุ่มเฟือยชะลอตัว

SCGP 2Q66 Info A (v2) th 3 - 66 07 24

ทั้งนี้ ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 1,073 ล้านบาท

โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 8 สิงหาคม 2566 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 9 สิงหาคม 2566

SCGP มีงบดุลและโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งสำหรับการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บริษัทตั้งงบประมาณการลงทุน (CAPEX) สำหรับปี 2566 ไว้รวม 18,000 ล้านบาท

แบ่งเป็นงบสำหรับการขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ (Merger & Partnership) 9,000 ล้านบาท

SCGP 2Q66 Info A (v2) th 4 - 66 07 24

นอกจากนี้ เพื่อรองรับความเป็นไปได้ในการลงทุนซื้อหุ้นใน PT Fajar Surya Wisesa Tbk. (Fajar) ประเทศอินโดนีเซีย จึงมีการบันทึกบัญชีรายการในงบดุลคิดเป็นมูลค่ารวม 23,204 ล้านบาทในไตรมาส 2/66

ซึ่งจะเป็นการซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มเติม จำนวนร้อยละ 44.48 โดยคาดว่าธุรกรรมนี้จะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2567

นายวิชาญ กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมบรรจุภัณฑ์ครึ่งปีหลังในภูมิภาคอาเซียน คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการบริโภคภายในประเทศ และภาคการท่องเที่ยว รวมถึงเตรียมรับเทศกาลในช่วงปลายปี

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะการส่งออกจากอาเซียนไปยังประเทศปลายทางแถบยุโรป ซึ่งความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงชะลอตัว

โดยราคาต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำต่อไป ถึงช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ในขณะที่ราคาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) มีแนวโน้มทรงตัว ซึ่ง SCGP ยังคงบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

SCGP ได้มุ่งรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ด้วยการเดินหน้ากลยุทธ์การขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในอาเซียน

ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังมีผลการดำเนินงานที่ดี และเป็นกลยุทธ์ที่สร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งให้กับ SCGP โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง

โดยได้เตรียมเข้าลงทุนใน Starprint Vietnam JSC (SPV) ประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปลายไตรมาส 3/66 เพื่อรองรับการอุปโภคบริโภคสินค้าบรรจุภัณฑ์กระดาษที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวียดนาม

เป็นการเสริมความครบวงจร และการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างบริษัทย่อยอื่น ๆ ในประเทศเวียดนามของ SCGP

SCGP 2Q66 Info A (v2) th 5 - 66 07 24

ขณะเดียวกัน SCGP ได้ทุ่มเทในการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยอยู่ระหว่างร่วมกับออริจิ้น แมตทีเรียลส์ (Origin Materials) ในการพัฒนา Bio-based Plastic จากชิ้นไม้ยูคาลิปตัสสับ

ซึ่งผลทดสอบล่าสุด ได้ผ่านขั้นตอนการทดสอบในห้องแล็ป และการปรับคุณสมบัติที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้ว ผลเป็นที่น่าพอใจ พร้อมเข้าสู่ขั้นตอน Pilot Plant Scale และเลือกพันธมิตรเพื่อร่วมมือพัฒนาในขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ SCGP ได้ทำการวิจัยและพัฒนา Wooden Foodservice Packaging จากไม้ยูคาลิปตัส เพื่อสนับสนุนการใช้ทรัพยากรทดแทน

ตอบโจทย์เทรนด์การใช้บรรจุภัณฑ์อาหารรักษ์โลกที่สามารถย่อยสลายได้ และเพิ่มมูลค่าให้แก่ไม้ยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจในอาเซียน

และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียตั้งแต่ต้นทางการปลูก จนถึงการแปรรูปไม้ยูคาลิปตัส ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

SCGP ยังคงมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวคิด ESG 4 Plus ทำให้บริษัทเป็นที่ยอมรับ ล่าสุด Sustainalytic ยังได้ประเมิน ESG Risk Ratings ของ SCGP ให้อยู่ในระดับ Low Risk ของกลุ่มอุ Container & Packaging