เพื่อไทยจับมือ 6 พรรครวมสุวัจน์ แถลงจัดตั้งรัฐบาลรวม 228 เสียง

พรรคเพื่อไทย แถลง 6 พรรค ตั้งรัฐบาล 09082566
ภาพจาก มติชนทีวี

พรรคเพื่อไทยจับมือ 6 พรรครวมสุวัจน์ และเมื่อรวมเสียงพรรคภูมิใจไทยแล้วจะมีเสียงจัดตั้งรัฐบาล 228 เสียง การันตีได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งแน่นอน คาดว่าพรุ่งนี้จะเจรจาพรรคชาติไทยพัฒนาอีก 10 เสียง รวมตัวเลขกลม ๆ 238 เสียง

วันที่ 9 สิงหาคม 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงร่วมกับ 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทยรวมพลัง 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง และพรรคละ 1 เสียง 3 พรรค ประกอบด้วย พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคท้องที่ไทย รวม 157 เสียง รวมกับ 71 เสียงพรรคภูมิใจไทย รวม 228 เสียง แต่คาดว่าจะรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งเร็ว ๆ นี้

โดย นพ.ชลน่าน อ่านคำแถลงการณ์ ดังนี้

พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว

พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่าจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤตความขัดแย้งในสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสี แบ่งขั้ว

การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็น “วาระประเทศ” ที่สำคัญอย่างสูงสุด

เราอยากขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ

พรรคสุวัจน์ จุดยืนร่วมไม่แก้ ม.112

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า มี 5 ข้อที่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย 1.พรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล 2.พรรคเพื่อไทยยืนยันกับทุกพรรคการเมืองว่าขณะนี้ได้รวบรวมเสียงในสภาเกินกึ่งหนึ่งแน่นอน จึงทำให้มั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 3.ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มีนโยบายใด ๆ เกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112

4.พรรคเพื่อไทยมีความแน่วแน่ในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนั้น พรรคชาติพัฒนากล้ามั่นใจในนโยบายของพรรคเพื่อไทย เพราะมีนโยบายที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต รวมถึงมีบุคลากรซึ่งประชาชนต้องการให้แก้ไข บรรยากาศการลงทุน การส่งออก นักท่องเที่ยว ปัญหาสินค้าราคาแพง ทั้ง 4 ข้อตรงกับพรรคชาติพัฒนากล้า

และข้อที่ 5 มาถึงวันนี้เกือบ 3 เดือน จากการเลือกตั้ง เรามีรัฐบาลรักษาการ แต่ก็มีขีดจำกัดในการบริหารประเทศ ซึ่งเรารอไม่ได้ จึงจำเป็นให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในประเทศว่าเรามีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง

“การปล่อยให้สุญญากาศจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย พรรคชาติพัฒนากล้าเห็นว่าจะต้องร่วมมือสนับสนุนพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลที่มีความชอบธรรม ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ” นายสุวัจน์กล่าว

พรรคประชาชาติ หวังได้ 375 เสียง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ในภารกิจขณะนี้ส่งเสริมให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรวบรวมเสียงให้ได้ 375 เสียงขึ้นไปเพื่อให้ได้นายกฯ เมื่อได้นายกฯ ก็จะนำไปสู่กระบวนการสรรหาผู้ที่มาเป็นนายกฯ และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคประชาชาติ ขอให้เดินทางไปถึงพรรคที่ได้เสียงอันดับสองเท่านั้นที่จะได้เป็นนายกฯ ถ้านอกหลักจากนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า หลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว พรรคก้าวไกลมีคะแนนเสียงอันดับหนึ่ง เรามีมติกันว่าสนับสนุนพรรคก้าวไกลบริหารประเทศ แต่พรรคก้าวไกลไม่สามารถไปสู่จุดนั้นได้ ก็ต้องเปลี่ยนให้พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อคนเป็นนายกฯแทน พรรคเพื่อไทยกำลังพยายามทำทุกวิถีทางสลายขั้วการเมือง เพื่อบริหารประเทศให้ได้

“ไปดูสามก๊ก ไปดูประวัติศาสตร์ไทย กษัตริย์ทำศึกสงคราม ถ้าฆ่าแม่ทัพไปแล้วจะเลี้ยงไพร่พลต่อไปไหม หรือฆ่าทิ้งให้หมด พรรครวมไทยสร้างชาติ คุณประยุทธ์ก็ไปแล้ว ไม่มีแม่ทัพแล้ว ผมเห็นว่าควรจะเลี้ยงดูไว้ หรือพรรคพลังประชารัฐ แม้มีแม่ทัพอยู่ก็ยอมแพ้ไปแล้ว ควรจะเลี้ยงไพร่พลไว้ ควรใจกว้าง” พล.ต.อ.เสรีกล่าว

ยันได้เสียงเกินครึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียงขณะนี้เสียงสนับสนุนจะมีเพิ่มเติมจากพรรคไหนบ้าง และการที่จะรวมพรรค 2 ลุง ต้องพูดคุยกับสมาชิกพรรคอย่างไร นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้เราได้แถลงเรามีเสียงสนับสนุนมากกว่ากึ่งหนึ่ง ขณะที่แถลงอยู่มี 228 เสียง ส่วนจะเติมพรรคไหนให้ได้พรรคเสียงมากขึ้นนั้น พรุ่งนี้ (10 ส.ค.) จะมีการแถลงเพิ่มเติมในส่วนของพรรคที่เหลืออยู่ จะพยายามแถลงและบอกกับสื่อมวลชนให้เร็วที่สุดและจะจบทั้งหมด

ส่วนต้องพูดคุยกับสมาชิกพรรคอย่างไรนั้น เราได้ออกแถลงการณ์ไปแล้วในการแสวงหาการมีส่วนร่วมจาก สว.ให้มามีส่วนร่วมในการโหวตนายกฯ และเปิดโอกาสขอความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ประสานพูดคุย เอกสิทธิ์ของท่าน ถ้าเห็นแก่ประโยชน์บ้านเมือง และเป็นการสลายขั้วแก้วิกฤตได้ก็ยินดี สำหรับการขอเสียงสนับสนุน

นายภูมิธรรมกล่าวเสริมว่า เราเอาวาระประเทศกับวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง ขณะนี้เราเจรจากับพรรคต่าง ๆ บ่ายนี้จะหารือกับพรรคก้าวไกล พรุ่งนี้หารือกับชาติไทยพัฒนา ยังมีอีกหลาย ๆ พรรค คอยบวกเลขแล้วกัน

จะค่อย ๆ ไป แต่เรายืนยันว่าเรามีความชอบธรรม เสียงของเราเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่ปัญหาขณะนี้พยายามทำให้ทุกพรรค ทุกกลุ่ม พยายามเข้าร่วม เพราะรัฐบาลขณะนี้เป็นรัฐบาลพิเศษในสถานการณ์ต่าง ๆ 3 ด้าน ทั้งวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตปากท้อง และวิกฤตความขัดแย้ง

สลายขั้ว ล้างความขัดแย้ง

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า เราต้องการให้รัฐบาลนี้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ หลังจากการที่เราขัดแย้งเป็นฝักเป็นฝ่าย ตลอดเวลาเกือบ 20 ปี วันนี้ถ้าเป็นบุคคลก็เป็นคำร้องขอจากเรา ไม่ใช่งูเห่าทั้งสิ้น ถ้าเป็นพรรคเป็นกลุ่มบุคคลก็ไม่ได้ไปทำลายกระบวนการต่าง ๆ ที่เคยมีมา

สิ่งที่เราวันนี้ต้องคิดพาราดามใหม่ไม่เช่นนั้นพ้นวิกฤตไม่ได้ วันนี้คุยได้เรื่อย ๆ หลายพรรค หลายกลุ่ม แสดงเจตจำนงมา รวมถึง สว.เพราะเป้าหมายของเราให้เกิน 375 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้สมตามเจตนาทุกอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติ

“ทุกพรรคที่แถลงร่วมกับเรายืนกับวาระประชาชน กับประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ถ้าเรียบร้อยโหวตนายกฯได้ พรรคเพื่อไทยจะนำนโยบายของทุกพรรคมาพูดคุยกัน แม้ใครเป็นฝ่ายค้านนโยบายที่ดีและเป็นประโยชน์เราพร้อมเอามาทำ เราอยากสร้างการเมืองมิติใหม่ ค้าน กับรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเห็นค้านกันทุกเรื่อง สิ่งใดก็ตามที่เป็นประโยชน์พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะผลักดัน” นายภูมิธรรมกล่าว

นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรายืนยันว่านโยบายหรือข้อเสนออะไรที่ไปกระทบสถาบันหลักของประเทศเราไม่แตะต้อง การแก้ไขมาตรา 112 เราไม่สนับสนุน ถ้านอกเหนือจากนี้แล้ว เราก็จะดำเนินการไปเพื่อให้วาระประเทศและวาระประชาชนประสบความสำเร็จ

โหวตนายกฯ ให้บ้านเมืองเรียบร้อย

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ และจะขอเสียงพรรคก้าวไกลหรือไม่ เพราะ สว.อาจไม่มั่นใจ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่ายทุกบุคคล ทั้งแง่องค์กรหรือตัวบุคคล การร่วมรัฐบาลเราดำเนินการตามที่แถลงการณ์ไป พรรคที่ยกขึ้นมายังไม่มีการพูดคุย

ส่วนพรรคก้าวไกล เรามีข้อจำกัดอย่างมากในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล เราสนับสนุนพรรคก้าวไกลถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบ และเมื่อพรรคก้าวไกลมอบภารกิจให้กับเรา เราก็พยายามทำต่อเนื่อง แสวงหาเสียงสนับสนุนให้มากที่สุด แต่เราเคารพเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลที่จะมายกมือสนับสนุนนายกฯให้เราหรือไม่

ถ้าเลือกนายกฯ แล้วทำให้สถานการณ์การเมืองขณะนี้ ก้าวเข้าสู่ความเรียบร้อย ปิดจุดอ่อนต่าง ๆ วิกฤตรัฐธรรมนูญได้ พรรคก้าวไกลจะมาร่วมกับเราในมุมนั้นก็เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง เป็นการเมืองมติใหม่ที่เราจะร่วมมือกันได้ในหลายเรื่อง ปรับเปลี่ยนกฎหมายที่สำคัญ ทั้งรัฐธรรมนูญ และกฎหมายโครงสร้างที่สำคัญ

ส่วนกรณีที่ สส.พรรคไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วนั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรามีการประชุมพรรค เปิดเวทีให้ สส.ได้พูดคุยเปิดใจกันอย่างเต็มที่ ฟังทุกเสียงทั้งบวกและลบ เท่าที่ฟังไม่มี สส. หรือสมาชิกท่านใดแสดงความไม่เห็นด้วย กรณีย้ายขั้วก็มีข้อห่วงใย เพราะเขาดูเรื่องผลกระทบ สิ่งที่เราประกาศเป็นสัญญาประชาคมไป

แต่ถึงขนาดย้ายออกจากพรรคตามที่เป็นข่าวนั้นไม่มี ยืนยันพรรคเพื่อไทยเป็นเอกภาพ และรับกับสภาพที่เป็นอยู่ได้ ตนสงสาร สส.เพื่อไทยได้ เพราะได้รับความกดดันจากพื้นที่ แต่ทุกคนก็มีกำลังใจพร้อมชี้แจงประชาชนว่า ทำอย่างไรเพื่อเป็นรัฐบาลของประชาชน เพื่อแก้วิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตปากท้อง และแก้วิกฤตความขัดแย้งให้ได้

ปัดจาตุรนต์ย้ายพรรค

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง และ สส.เพื่อไทย 24 คน จะย้ายไปอยู่กับพรรคก้าวไกลนั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องนายจาตุรนต์เห็นในสื่อ ในการพูดคุยกับพวกเราไม่เคยมี ในมุมของพรรคเราเพิ่งได้ทราบจากสื่อเช่นกัน และ สส.ก็พูดคุยกันไม่มีใครพูดเรื่องนี้

นายภูมิธรรมกล่าวเสริมว่า วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม เวลาบ่ายโมง นายจาตุรนต์ยังร่วมประชุมกับเราทั้งหมด ยังสนับสนุนตามแนวทางนี้ต่อไป เพื่อจะดึงให้เกิดรัฐบาลแก้วิกฤตได้ ดังนั้น ต้องให้นายจาตุรนต์บอก หรือให้นายจาตุรนต์ตัวเป็น ๆ บอกมา เพื่อเราจะได้แก้ไขปัญหา แต่วันนี้ไม่มีปัญหานั้น เสียงที่ขึ้นมาชัดเจนว่าเป็นปัญหามีอยู่ 1-2 เสียงเท่านั้น เข้าใจ ถ้าอยากให้สมบูรณ์ ไม่มีกติกาอย่างที่เป็นอยู่ ไม่มีตัวเลขทางการเมืองแบบนี้เราแก้ปัญหาได้แล้ว เราไม่ได้อยากเดินมาสู่จุดนี้

เมื่อจุดนี้เป็นจุดวิกฤต และทำอะไรไม่ได้ ปัญหาที่เรากำลังทำคือหาทางออกให้ประเทศ จนถึงวันที่เราไม่สามารถไปตามฝั่งฝันของเราได้ ไม่สามารถรวบรวมแก้วิกฤตของประเทศได้ ค่อยมาถามคำถามที่มากกว่านั้นได้

เศรษฐายังเป็นแคนดิเดตนายกฯ

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ยังเป็นเศรษฐา ทวีสินอยู่หรือไม่นั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า “ยืนยันว่าเป็นนายเศรษฐา ที่เราจะเสนอชื่อให้รัฐสภาพิจารณาเลือกเป็นนายกฯ ส่วนผ่านไหม เรามั่นใจไม่มีถ้า… ต้องผ่าน”

นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราตรวจสอบกระบวนการทางกฎหมายทั้งหมดแล้ว นายเศรษฐาผ่านกระบวนการคัดสรรของพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นเหตุทางกฎหมายและจริยธรรม

เมื่อถามว่า ในวันโหวตนายกฯ ได้เสียงไม่ถึง 376 เสียง นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นฉากทัศน์ที่ ไม่อยากสมมุติ เพราะเราอยู่บนพื้นฐานความมั่นใจ ก่อนที่จะถึงวันโหวตเราต้องทำงานให้จบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 10 สิงหาคม 2566 แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ติดต่อเพื่อเจรจาและแถลงข่าวร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนาอีก 10 เสียง เพื่อรวบรวม สส.ได้เพิ่มเป็น 238 เสียง