
“ชูฉัตร ประมูลผล” เลขาธิการ คปภ. กำชับ “สินมั่นคงประกันภัย“ ต้องรับเคลมลูกค้า 1.8 ล้านกรมธรรม์ ตามปกติ ให้โอกาสเติมเงินกองทุน ยังไม่ขีดเส้นตาย หากพบไร้หนทางจะชงบอร์ด คปภ.-รมว.คลัง สั่งเพิกถอนใบอนุญาต ปลื้มปี’66 ธุรกิจโตเกือบ 5% มั่นใจปี’67 ขยาวตัวสูงกว่าจีดีพี
วันที่ 25 ธันวาคม 2566 นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการกำกับดูแลบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ขณะนี้อยู่ในกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย โดยสำนักงาน คปภ. ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 52 ของ พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย สั่งให้หยุดรับประกันภัยชั่วคราวไปแล้ว และสั่งห้ามรับประกันภัยรายใหม่ รวมไปถึงสั่งห้ามเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน
โดยให้เร่งดำเนินการแก้ไขฐานะการเงิน อาทิ การดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนตามกฎหมาย จากปัจจุบันระดับ CAR Ratio ติดลบหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงต้องนำเงินมาวางตั้งสำรองให้ครบถ้วน และดำเนินการชำระค่าปรับที่มีไว้กับสำนักงาน คปภ.ให้เรียบร้อยด้วย
ซึ่งปัจจุบันบริษัทสินมั่นคงประกันภัยได้ยืนยันในการปิดระบบรับประกันภัยทั้งหมดแล้ว แต่การจ่ายเคลมยังต้องจ่ายตามปกติเมื่อเกิดสินไหมทดแทนเกิดขึ้น ซึ่งการจ่ายเงินออกด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม จะต้องได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่สำนักงาน คปภ. ยกเว้นจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างแก่พนักงานหรือลูกจ้าง
“การแก้ไขฐานะการเงินของบริษัทสินมั่นคงประกันภัย คปภ.ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่ให้ดำเนินการในกรอบระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ระหว่างนำเสนอต่อคณะกรรมการ คปภ. (บอร์ด) เพื่อหากรอบเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเชื่อว่าในระยะเวลาที่เหลือทั้งหมด ทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการแก้ไขให้ดีที่สุด ถ้าพบว่าบริษัทสินมั่นคงประกันภัยไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ ก็ต้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจวินาศภัยต่อไป” เลขาธิการ คปภ. กล่าว
เลขาธิการ คปภ. กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทสินมั่นคงประกันภัยอยู่ระหว่างการรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งทรัพย์สินอาคารสำนักงานใหญ่ยังอยู่ภายใต้บริษัทสินมั่นคงประกันภัย
โดยปัจจุบันลูกค้า Non-Covid ของบริษัทสินมั่นคงประกันภัย มีอยู่จำนวน 1.8 แสนกรมธรรม์ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประกันภัยรถยนต์ ซึ่งยังเป็นกรมธรรม์ที่มีผลบังคับใช้อยู่ ดังนั้นระหว่างนี้บริษัทสินมั่นคงประกันภัยยังต้องดูแลลูกค้าตามสัญญาประกันภัยปกติ เมื่อเกิดเหตุต้องเข้าไปดูแลเหมือนเดิม
แต่ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว สำนักงาน คปภ. ทุกจังหวัดทั่วประเทศพร้อมรับเรื่องร้องเรียน กรณีที่บริษัทสินมั่นคงประกันภัยไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้า อย่างไรก็ตามบริษัทสินมั่นคงประกันภัยได้ยืนยันกับทางสำนักงาน คปภ. ว่าช่วงนี้พร้อมดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขณะที่อาจจะมีประเด็นร้องเรียนเข้ามาบ้างแล้ว เกี่ยวกับลูกค้าประกันภัยรถยนต์ ที่เมื่อเกิดเคลมแล้วนำรถไปซ่อมที่อู่ แต่ทางอู่กลับปฏิเสธไม่รับซ่อม เพราะกังวลจะไม่ได้รับเงินจากบริษัทสินมั่นคงประกันภัย ทั้งนี้ คปภ. กำลังประสานงานกับบริษัทสินมั่นคงประกันภัยให้กลับไปดูแลลูกค้าตามปกติ
ส่วนประเด็นที่มีการโอนพอร์ตลูกค้าสินมั่นคงประกันภัยไปยังบริษัทประกันภัยอื่นนั้น เลขาธิการ คปภ.กล่าวว่า เนื่องจาก คปภ.ยังไม่ได้เพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทสินมั่นคงประกันภัย และเรื่องการโอนพอร์ตกรมธรรม์ทางสำนักงาน คปภ. ก็ไม่ได้เคยบอกว่าให้แต่ละบริษัทไปติดต่อกันได้เอง ซึ่งสำนักงาน คปภ.มีหน้าที่ต้องเข้าไปดูแล เพื่อช่วยให้การโอนพอร์ตเกิดขึ้นในรูปแบบที่ดีที่สุด ในกรณีถ้าต้องปิดบริษัทสินมั่นคงประกันภัย ซึ่งถือว่าทางบริษัทสินมั่นคงประกันภัยยังมีโอกาสและเวลาในการแก้ไขอยู่
ส่วนกรณีกองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) ขาดสภาพคล่องในการจ่ายหนี้ตามสัญญาประกันภัย และตอนนี้ต้องแบกภาระหนี้อยู่กว่า 5 หมื่นล้านบาทนั้น เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า ตอนนี้กองทุนพยายามวิ่งหาแหล่งเงินทุนอยู่ ซึ่งผู้จัดการกองทุน เป็นอดีตรองเลขาธิการ คปภ. ฉะนั้นจะยึดประชาชนเป็นหลัก จึงพยายามทุกวิถีทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยกองทุนได้มีการตั้งอนุกรรมการในการดูแลการระดมทุนเพื่อหาแหล่งเงินตามช่องทางต่าง ๆ ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าจะได้เงินมาจากช่องทางไหน
เลขาธิการ คปภ. กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจประกันภัยปี 2566 ถือว่ากลับมาสดใส เพราะมีอัตราการเติบโตเกือบ 5% จากสิ้นปี 2565 ที่โตแค่ 0.9% จากการเผชิญความยากลำบากของวิกฤตโควิด โดยปีนี้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไข และสำนักงาน คปภ.ก็สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนให้เห็นถึงสภาพคล่องของธุรกิจประกันภัยที่มีความแข็งแกร่ง
ส่วนปี 2567 หวังว่าจะเติบโตสูงกว่า 4-5% หรือขยายตัวมากกว่าจีดีพีของประเทศไทย โดยกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของเบี้ยรับรวม เพราะเชื่อว่าเทรนด์ของรถสันดาปจะค่อย ๆ ลดลง ในขณะที่รถอีวีจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งรูปแบบกรมธรรม์อีวีของประเทศไทยค่อนข้างเป็นกรมธรรม์ชั้นนำที่หลายประเทศในอาเซียนให้ความสนใจ
ประกอบกับจะมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นในธุรกิจประกันภัย อาทิ การบังคับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่องสัญญาประกันภัย (TFRS 17) ในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งในปี 2567 จะเป็นช่วงเวลาที่บริษัทประกันภัยเตรียมตัวใช้รายงาน TFRS17 ซึ่ง คปภ.จะต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพราะการดูงบการเงินจะเปลี่ยนแปลงไป