เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา (รอง ผบช.ศ.) ในฐานะคณะกรรมการแก้ไขกฎหมายจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาการปรับ-ลดความเร็วบนท้องถนนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพถนน สภาพการจราจรในปัจจุบันว่า เนื่องจากกฎหมายความเร็วรถของเดิมที่ประเทศใช้อยู่ได้ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งระบุความเร็วรถในเขตเทศบาลสามารถวิ่งได้ไม่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเส้นทางระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์วิ่งได้ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งใช้มาแล้วกว่า 39 ปี จึงจำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาปรับความเร็วใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพถนน สภาพรถ ในปัจจุบัน
ในที่ประชุมได้ให้แนวทางว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องร่วมกันยกร่างกฎกระทรวงขึ้นมาใหม่ให้ครอบคลุมและเป็นแนวทางเดียวกันเพื่อบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกันทั่วประเทศ เบื้องต้นได้มีแนวคิดว่าจะปรับเพิ่มความเร็วรถในเส้นทางระหว่างเมือง ถนนมอเตอร์เวย์อยู่ที่ประมาณ 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เช่นเดียวกันกับทางด่วนพิเศษทุกเส้นทาง ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานครจากการพิจารณาพบว่าไม่ควรจะเพิ่มอัตราความเร็วรถขึ้น แต่จะต้องพิจารณาลดอัตราความเร็วลดลงในบางจุด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยรายละเอียดว่าจะลดในจุดใดนั้นจะต้องมีการศึกษาความเหมาะสมและนำมาหารือร่วมกันอีกครั้ง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
“คณะทำงานจะพยายามเร่งรัดการยกร่างกฎกระทรวงให้เร็วที่สุดก่อนที่จะเสนอเข้าการประชุม เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาในการหารือเกี่ยวกับรายละเอียดประมาณ 30 วัน และจะมีการประชุมเพื่อเสนอร่างกันอีกครั้ง” พล.ต.ต.เอกรักษ์กล่าวและว่า การแก้ไขกฎหมายความเร็วรถ จะต้องดำเนินการอย่างรอบด้านมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการหาความเหมาะสม การพิจารณาเรื่องความปลอดภัย รวมไปถึงการควบคุมผู้ใช้ความเร็วรถเกินที่กฎหมายกำหนด โดยระเบียบข้อกฎหมายดังกล่าวจะมีการบังคับใช้ทั่วประเทศเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน