ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ต่ำสุดรอบ 8 เดือน ส.อ.ท. ตัดพ้อเอกชนนำเข้าวัคซีนเองไม่ได้

ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย. 64 ลดลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน วอนรัฐเร่งจัดหาและฉีดวัคซีนให้ประชาชน ออกมาตรการเยียวยาทุกกลุ่ม ล่าสุดผลสำรวจเอกชนความต้องการฉีดวัคซีนขอนำเข้า-ควักจ่ายเอง 6,000 บริษัท จำนวนกว่า 1 ล้านคน อาจต้องชวด หลังรัฐรับปากจัดหาให้เพียงพอแน่นอน

วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2564 อยู่ที่ระดับ 84.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 87.3 ในเดือนมีนาคม 2564 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2563

เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ภาครัฐยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ให้เข้มงวดมากขึ้น

สุพันธุ์ มงคลสุธี

แม้ว่าภาครัฐจะไม่ได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ หรือเคอร์ฟิวเหมือนกับการระบาดในระลอกแรก แต่วิกฤตโควิด-19 ระลอก 3 ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงทั้งการค้าการลงทุน การเดินทางท่องเที่ยว ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่มาตรการ Work From Home ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ในเดือนเมษายนยังมีวันทำงานน้อย เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทำให้ภาคการผลิตส่วนใหญ่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 91.8 จากระดับ 94.0 ในเดือนมีนาคม 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 อยู่ ที่อาจยืดเยื้อและต้องใช้ระยะเวลานานในการควบคุม ขณะที่การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนยังมีความล่าช้า ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศยังไม่คลี่คลาย รวมทั้งสถานการณ์การเมืองของประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการส่งออกของไทย

จึงเสนอแนะให้ภาครัฐ 1.เร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ให้ได้โดยเร็ว โดยใช้มาตรการล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและมีการแพร่ระบาดสูง

2.เร่งจัดซื้อและกระจายวัคซีน COVID-19 ให้กับประชาชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน

3.ออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกที่สามอย่างเร่งด่วน ให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มและผู้ประกอบการเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ

4.เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก

“เรื่องวัคซีนเรามีการสำรวจความต้องการจากเอกชนทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่ใช่ ที่ต้องการนำวัคซีนไปฉีดให้พนักงานของเขา ล่าสุดพบว่ามีถึง 6,174 บริษัท จำนวนกว่า 1 ล้านคน ภายในเดือน มิ.ย.นี้ แต่ถ้าไม่ทันเราก็ต้องแจ้งยกเลิกเขาไป แม้เราจะพยายามทำเต็มที่แล้ว โดยหลังจากนี้ต้องรอรัฐเป็นผู้นำเข้า เพราะรัฐให้เหตุผลว่าไม่ต้องการให้เอกชนมาแบกรับภาระนี้”