การเมืองสนามท้องถิ่นทยอยได้รับการปลดล็อคอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ปลดล็อกการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องกับการปลดล็อคการเลือกตั้งระดับเทศบาล, องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเหลือแค่การปลดล็อคการเลือกตั้งในเขตเมืองพัทยาและกรุงเทพมหานคร (กทม.) เท่านั้น ก็จะเป็นการคลายล็อคการเมืองท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- “พลังงานไฮโดรเจน” ถูกกว่าน้ำมัน 60% ไทยเริ่มศึกษาแต่ เยอรมัน กำลังจะเลิกใช้
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
หากย้อนกลับไปโฟกัสช่วงการเลือกตั้งนายก อบจ. 2 จังหวัดที่มีสีสันและผู้คนจับตามอง คงหนีไม่พ้น จ.สมุทรปราการและปทุมธานี ซึ่งในท้ายที่สุดทั้ง 2 จังหวัดก็ได้นายก อบจ.คนใหม่ระดับบิ๊กเนมเข้ามาคุมหางเสือ
โดยจ.สมุทรปราการ ตำแหน่งนายก อบจ.ตกเป็นของ มาดามตู่- นันทิดา แก้วบัวสาย ในนามกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ภายใต้ร่มเงาของ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม สามีและอดีตนายกอบจ.คนก่อน ซึ่งปัจจุบันขยับไปนั่งเป็นประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ
โดยมักจะเผยแพร่ความเคลื่อนไหวและข่าวประชาสัมพันธ์ต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ สมุทรปราการก้าวหน้าเป็นระยะๆ
ขณะที่ จ.ปทุมธานี หลังนายกชาญ-ชาญ พวงเพ็ชร์ จองกฐินนั่งนายกอบจ.ยาวนาน ก็ถูกบิ๊กแจ๊ส – พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตนายตำรวจคนดังที่วันนี้สวมเสื้อพรรคเพื่อไทยคว้าเก้าอี้นายก อบต.ได้เป็นผลสำเร็จ แถมส่งร.ต.อ. ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง ลูกชายคนโตนั่งนายกเทศมนตรีนครรังสิตอีกต่างหาก สร้างสีสันและแรงสั่นสะเทือนไม่น้อย
แม้ทั้ง 2 จังหวัดจะอยู่ไกลกันคนละฟาก โดยมีกรุงเทพฯ คั่นกลาง แต่สิ่งที่ทั้ง 2 จังหวัดกำลังซุ่มทำเหมือนกัน นั่นก็คือ “โปรเจ็กต์รถไฟฟ้า”
ปฏิเสธได้ยากว่า ตลอดเวลา 8 ปีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผลงานที่ดูจะโดดเด่นที่สุดคือ การขับเคลื่อนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบรางประเภทรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งต่อเติมเสริมแต่งจนรถไฟฟ้าหลาย ๆ สายทยอยเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่องทั้งสายหลักและสายรอง ทำให้บรรดาพ่อยกแม่ยกมักหยิบขึ้นมาอ้างถึงบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้จะสามารถเติมเต็มรถไฟฟ้าสายหลักและสายรองในเมืองได้ครบเส้นทาง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา ก็คือ การขาดระบบเชื่อมต่อ (ฟีดเดอร์) รถไฟฟ้าสายหลักลงสู่พื้นที่ท้องถิ่น เพราะการเดินทางไม่ได้จบแค่รถไฟฟ้า การเชื่อมต่อที่ลงลึกถึงระดับตรอก ซอก ซอย และการเดินทางสู่ปลายทางที่บางครั้งรถไฟฟ้าสายหลักก็ไปไม่ถึง
ดังนั้น การที่ตัวจังหวัดจะคิดค้นระบบรถไฟฟ้าขึ้นมาเอง เพื่อรับต่อการเดินทางจากรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ จึงเป็นทางเลือกที่หลายจังหวัดอยากปลุกปั่นขึ้นมาเอง
มาดามตู่ปั้น “โมโนเรล” เชื่อมสนามบิน-รถไฟฟ้า
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เปิดเผย”ประชาชาติธุรกิจ”ว่า เมื่อปลายปี 2564 นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกอบจ.สมุทรปราการ ได้เดินทางมาที่สนามบินสุวรณภูมิ เพื่อหารือถึงการขออนุญาตทำทางเชื่อมต่อและใช้พื้นที่บางส่วนของสนามบินในการก่อสร้างโครงการในอนาคต
ซึ่งทาง ทอท. ไม่ขัดข้องและยินดีที่จะให้ความร่วมมือ อีกทั้งตนเคยเป็นที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ามาก่อน ก็เห็นว่าโครงการดังกล่าวมีความเหมาะสมที่จะก่อสร้าง ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นเพียงแผนการศึกษาเท่านั้น ต้องใช้เวลาศึกษาเพิ่มอีกระยะหนึ่ง
รายงานข่าวเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) เป็นแนวคิดริเริ่มของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ โดยอบจ.สมุทรปราการได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา
โดยมีแผนจะก่อสร้างนำร่องในช่วงสุวรรณภูมิ – แพรกษา – สุขุมวิท ระยะทาง 29.79 กม. วงเงินรวม 57,495.31 ล้านบาท แบ่งเป็นค่างานก่อสร้าง 29,032.36 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 1,724.42 ล้านบาท, ค่าก่อสร้างงานโยธา 9,587.21 ล้านบาท, ค่างานระบบรถไฟฟ้า 1,600 ล้านบาท, ค่าควบคุมงานก่อสร้าง 1,151.42 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาตามระยะเวลาสัมปทาน 30 ปีอีก 29,032.26 ล้านบาท
มีจุดเริ่มต้นที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ลาดกระบัง วิ่งขนานไปกับสนามบินสุวรรณภูมิ สิ้นสุดที่บริเวณสถานีแพรกษาเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงเคหะสมุทรปราการ – แบริ่ง – สำโรง กำหนดไว้ 15 สถานี ประกอบด้วย
1.สถานีลาดกระบัง
2. สถานีกิ่งแก้ว60
3. สถานีกิ่งแก้ว 50
4. สถานีจุฬารัตน์ 9
5.สถานีราชาเทวะ
6.สถานีบางนา-ตราด 1
7.สถานีบางนา-ตราด 2
8.สถานีบางพลีใหญ่
9.สถานีเทพารักษ์
10.สถานีจงศิริ
11.สถานีเพชรงาม
12.สถานีแพรกษา
13.สถานีวัดแพรกษา
14.สถานีพุทธรักษา
15.สถานีแพรกษา
สถานะโครงการปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งรูปแบบรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และรูปแบบการลงทุน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 นี้
บิ๊กแจ๊สสรุปผลศึกษากลาง ม.ค.นี้
ขณะที่แหล่งข่าวจากจ.ปทุมธานี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันพล.ต.ท.คำรณวิทย์กำลังเร่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการสรุปผลการศึกษารถไฟฟ้าโมโนเรลของทางจังหวัดอยู่ คาดว่าจะสรุปผลได้ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2565 นี้ เบื้องต้นวางเอาไว้ 4 เส้นทาง ประกอบด้วย
1. ช่วงสถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดง – คลอง 7 แนวเส้นทางผ่านหน้าเทศบาลนครรังสิต ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค จากนั้นเลาะไปตามคลองด้านข้างถนนรังสิต-องครักษ์ ไปสิ้นสุดที่คลอง 6 หรือคลอง 7 ตั้งใจจะให้แนวเส้นทางเข้าไปเชื่อมกับสวนสัตว์ดุสิตแห่งใหม่และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้
2. เส้นทางที่ 2 ช่วงรังสิตคลอง 3 – ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต แนวเส้นทางจะฉีกจากเส้นทางแรกเลียบไปกับถ.รังสิตคลอง 3 วิ่งไปตามถ.คลองหลวง ผ่านวัดพระธรรมกาย ยกข้ามถ.พหลโยธิน ไปสิ้นสุดที่สถานีม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตของรถไฟชานเมืองสายสีแดง
3. ช่วงศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค – แยกคปอ. แนวเส้นทางจะวิ่งตัดตรงไปทางสนามกีฬาธูปะเตมีย์ และสิ้นสุดที่แยก คปอ. เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและ
4. ช่วงสถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดงรังสิต – ถ.ราชพฤกษ์ แนวเส้นทางเริ่มจากสถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดงรังสิต ไปตามถ.รังสิต-ปทุมธานี มุ่งหน้าบางพูน ผ่านโรงพยาบาลเซนต์คาร์ลอส ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ไปสิ้นสุดที่ ถ.ราชพฤกษ์ บริเวณนี้เป็นที่ทำการใหม่ของ อบจ.ปทุมธานี
ส่วนรูปแบบของโครงการและแผนงานจะเป็นอย่างไร แหล่งข่าวระบุว่า ขอให้รอการศึกษาให้เสร็จในช่วงกลางเดือนมกราคม 2565 นี้ก่อน คาดว่าจะได้เห็นแผนงานที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นโครงการในรูปแบบเอกชนร่วมลงทุน (PPP)