ชลน่าน ห่วง “ประยุทธ์” ทิ้งเก้าอี้ “บิ๊กป้อม” นั่งนายกฯ รักษาการ ถึงปี 2566

ชลน่าน ศรีแก้ว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้ รัฐบาลสั่นคลอน สภาล้มลุกคลุกคลาน ชี้ 3 ป. ขัดแย้ง บิ๊กตู่ ทิ้งเก้าอี้ บิ๊กป้อมรักษาการยาวถึงปี 2566

วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่โรงแรมพาโค เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “รัฐบาลสั่นคลอน สภาล้มลุกคลุกคลาน” ตอนหนึ่งว่า ถามว่าทำไมรัฐบาลสั่นคลอน เพราะตัวรัฐธรรมนูญที่ผู้ยึดอำนาจต้องการสร้างเพื่อสืบทอดอำนาจจึงให้ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

ไปเขียนรัฐธรรมนูญวางกติกาให้ทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม และเปิดช่องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองขนาดเล็กเข้ามา และรวบรวมเสียงเหล่านั้นเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้การทำงานของรัฐบาลไม่ราบรื่น กรรมสนองทันตาเห็น บทของรัฐธรรมนูญย้อนกลับมาทำลายรัฐบาลชุดนี้

เป็นรัฐบาลที่ไม่สนใจนโยบายที่หาเสียงไว้ต่อประชาชน เพราะรัฐธรรมนูญชุดนี้ผูกมัดพรรคการเมืองทุกพรรคไว้กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และมีพรรคการเมืองใดที่กล้าเสนอสิ่งที่ขัดรัฐธรรมนูญ และการมีพรรคปัดเศษทำให้เกิดความแตกแยก ขาดเสถียรภาพ สั่นคลอน

นอกจากนี้ การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ล้มเหลว ประชาชนบอกเมื่อไหร่จะออกไป ไร้ประสิทธิภาพ ไม่เป็นที่ยอมรับศรัทธาของประชาชน แม้กระทั่งต่างประเทศก็ยังไม่ยอมรับนับถือ อีกทั้ง รัฐบาลชุดนี้จำนนต่อหลักฐาน อภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 ครั้ง ฝ่ายค้านมีข้อมูลชัดเจน แต่รัฐบาลยังอยู่ได้ ทุจริตถุงมือยาง เหมืองทองอัครา

มีข่าวแพลมมาว่าเพื่อแก้ปัญหาให้เขาอยู่ต่อได้ มี 2 เรื่อง ประยุทธ์ยุบสภาในเร็ววันนี้ เช่น ก่อนมีกฎหมายเลือกตั้งออกมา เพื่อให้เกิดทางตันเดดล็อกทางการเมือง อยู่ยาวรักษาการ 2. แสดงการรับผิดชอบลาออก และเพื่อให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นนานยกฯ รักษาการ

และที่เราห่วงที่สุดเลือกนายกฯ ในสภาเลือกกี่ครั้งก็ไม่ผ่าน อยู่ยาวไปจนถึง 23 มีนาคม 2556 อยู่ที่ประชาชนจะยอมให้ทำอย่างนั้นหรือเปล่า รัฐบาลสั่นคลอนลึกๆ ภาพที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นจากสื่อมวลชน หรือประชาชน แต่เกิดจากความขัดแย้งของ 3 ป. ผลประโยชน์ไม่ลงตัว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พี่ใหญ่เป็นผู้จ่ายหนักดูแลทุกเรื่อง ขณะที่น้องรอง น้องเล็กมีแต่รับอย่างเดียว แย่ที่สุดเมื่อก่อนพี่ใหญ่มีอำนาจวาสนาได้คุมกระทรวงแต่ตอนนี้เป็นรองนายกฯเท่านั้น ทำให้ผลประโยชน์ไม่ลงตัวเกิดความร้าวฉาน และหวังว่ารัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชน

สภาล้มลุกคลุกคลาน ไม่เคยเห็นสภาชุดใดเลวร้ายเหมือนสภาชุดนี้ เป็นเวทีแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับการอยู่รอดของ ส.ส. รัฐมนตรี สภาล่ม 17 ครั้ง ไม่นับการหนีปิดประชุมสภาของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร

ดังนั้น เมื่อรัฐบาลเสื่อม ไร้ความสามารถจนเกินเยียวยา เมื่อรัฐสภาเสื่อมศรัทธา ก็ถึงเวลาที่จะทวงอำนาจคืนประชาชน พรรคฝ่ายค้านจึงมีมติร่วมกันว่าขีดเส้นใต้ให้กับความล้มเหลว ขีดเส้นตายให้กับรัฐบาลที่สิ้นสภาพ