มาตรการวีซ่าฟรี

File : Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP
บทบรรณาธิการ

เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติให้ความเห็นชอบเรื่องการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและสัญชาติคาซัคสถานเป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว และจะให้ผู้ถือหนังสือเดินทางจากทั้ง 2 ประเทศเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 30 วัน มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567

โดยเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลไทยยอมให้ “วีซ่าฟรี” ในครั้งนี้ก็คือ เป็นนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งจัดเป็น 1 ในกิจกรรมหลักทางเศรษฐกิจที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยในระยะสั้นได้

สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งนั้นปรากฏ ในปี 2561 เคยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามากว่า 10 ล้านคน แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนก็ลดลงและไม่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเกินกว่าปีก่อนหน้าการระบาดของโควิด-19 อีกเลย แม้โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 4.3 ล้านคน (ปรับลดลงจาก 5.3 ล้านคน) โดยมีเพียงประมาณ 2 ล้านคนที่เข้ามาเที่ยวในไทย (ตัวเลขเดือนสิงหาคม 2566)

ส่วนกรณีของสาธารณรัฐคาซัคสถานนั้น ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็น ตลาดใหม่ ของประเทศไทย จนถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถานเข้ามาในประเทศไทยแล้ว 100,000 คน และการให้วีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถาน เป็นการชั่วคราวในครั้งนี้ ได้ครอบคลุมถึงช่วงเทศกาลสำคัญ กล่าวคือ เทศกาลปีใหม่ กับเทศกาลตรุษจีน ซึ่งรัฐบาลเชื่อว่าจะเป็นโอกาสสำคัญในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวจากทั้ง 2 ประเทศให้เข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นประเทศเป้าหมายหลัก จะเดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นมากน้อยหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมาตรการวีซ่าฟรีเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 3 ประการ นั้นก็คือ เศรษฐกิจในประเทศจีนเองที่เติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศของรัฐบาลจีนที่ไม่อยากปล่อยให้คนจีนเดินทางออกไปเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวของรัฐบาลไทยที่มีการกระพือข่าวมาเฟียจีน หรือจีนเทา หลอกลวงนักท่องเที่ยวที่เป็นคนชาติเดียวกัน

เหล่านี้ล้วนมีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 3.5-4 แสนคนต่อเดือน เป็น 7 แสนคนต่อเดือนในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ได้หรือไม่ และถ้าจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้เพิ่มไปกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงควรที่จะ “ดึงดูด” นักท่องเที่ยวจีนที่มีกำลังซื้อสูงที่พร้อมจะจ่ายต่อคนต่อทริป หรือนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อทดแทนการเน้นแต่ปริมาณที่จะเข้ามามากกว่า

ADVERTISMENT