เปิดกว้างไม่มีลิมิต

คอลัมน์สามัญสำนึก
โดย พิเชษฐ์ ณ นคร

รอดพ้นศึกการเมืองในสภา ผลการลงมติหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับ 2 รองนายกฯ และ 2 รัฐมนตรี ได้รับความไว้วางใจตามคาด แม้จะโดนแฟลชม็อบ คนรุ่นใหม่ นักเรียน นิสิตนักศึกษารุมต้านไล่หลัง

แต่ที่น่าจับตาและกำลังกลายเป็นระเบิดเวลา คือ การรับมือไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 ที่ซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจ การเมืองภายในประเทศที่ติดลบอยู่แล้วให้ย่ำแย่ลงอีก

แค่เรื่องดราม่าหน้ากากอนามัย ที่กระทรวงพาณิชย์ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งกับโรงงานผู้ผลิต ก่อนออกมาการันตีว่าจะไม่มีปัญหาโก่งราคาหรือหน้ากากอนามัยขาดตลาด แต่สิ่งที่ชาวบ้านพบเจอเป็นหนังคนละม้วน

แถมจะขยายวงคุมด้วยการเตรียมออกประกาศกำหนดปริมาณการถือครอง ถ้าเป็นเจตนาดีคุมพ่อค้าก็พอว่า แต่ถ้าตรวจยิบถึงประชาชนทั่วไปที่ต้องการซื้อไว้ป้องกันความเสี่ยงจะยุ่งกันใหญ่ การตั้งศูนย์กระจายและบริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัย หรือใช้รถโมบายกระจายสินค้าก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า

เพราะเสียงสะท้อนหนาหูว่า การบังคับให้ผู้ประกอบการเอาหน้ากากอนามัย 6 แสนชิ้นไปกองไว้ที่กระทรวงพาณิชย์ แทนที่จะให้โรงงานส่งให้ดิสทริบิวชั่นกระจายสินค้าไปตามช่องทางต่าง ๆ ตามปกติ คือต้นเหตุที่ทำให้การกระจายหน้ากากอนามัยล่าช้า ขาดตลาด ไม่รวมที่ถูกกักตุน โก่งราคา

Advertisment

สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ยังไม่รุนแรง การบริหารจัดการยังเป็นไปแบบทุลักทุเล ระยะที่ 3 มาถึงเมื่อไหร่น่าจะโกลาหลยิ่งกว่านี้

ไม่น่าเชื่อว่าภารกิจสำคัญยังเดินหน้าไม่ถึงไหน ก็มีเรื่องให้ปวดสมอง โรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนขาดอุปกรณ์จำเป็นหน้ากากอนามัย จนน่าเห็นใจแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ที่รับศึกหนัก ต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยง

ล่าสุด รองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประชุมร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรถึงแนวทางแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดตลาดเมื่อ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา และขอความร่วมมือโรงงานสิ่งทอให้ผลิตหน้ากากเพื่อประชาชน 30 ล้านชิ้น ภายใน 1 เดือน วิกฤตหน้ากากจึงน่าจะมีทางออก

ขณะที่ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บมจ.เครือเจริญโภคภัณฑ์ จะควักกระเป๋า 100 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแจกจ่ายฟรีให้กับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปที่เข้าไม่ถึง ถือว่ามาถูกจังหวะ ได้ใจชาวบ้าน เจ้าสัวใหญ่เจ้าสัวน้อยรายไหนอยากแสดงสปิริตอีกบ้าง งานนี้เปิดกว้างไม่มีลิมิต

Advertisment

ทำให้นึกถึงโรงแรม Katsuura Hotel Mikazuki ใน จ.ชิบะ ของญี่ปุ่นที่ถูกนำเรื่องราวน่าประทับใจมาแชร์ในโซเชียล ขออนุญาตนำมาบอกเล่าต่อ สรุปย่อ ๆ ว่าหลังทางการญี่ปุ่นส่งเครื่องบินไปรับชาวญี่ปุ่นที่เมืองอู่ฮั่นกลับประเทศ ช่วงที่โควิด-19 ระบาดรุนแรง เมื่อถึงญี่ปุ่นผู้โดยสารทุกคนจะได้รับการคัดกรองตรวจเชื้อไวรัส หากไม่พบจะอนุญาตให้ไปกักตัวที่บ้าน บางส่วนมีที่พักในโตเกียวก็ให้กลับไปโตเกียว แต่บางรายอยู่ไกลออกไปทางการจะต้องจัดหาที่พักให้ชั่วคราวระหว่างรอตรวจสอบคัดกรองโรค

ปรากฏว่าโรงแรม Katsuura Hotel Mikazuki ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ให้กักตัวชาวญี่ปุ่น 190 คนตรวจสอบเชื้อ โดยปฏิเสธลูกค้าอื่น เพื่อกันโรงแรมเป็นสถานที่กักตัวตรวจเชื้อไวรัสโดยเฉพาะ ยอมเสี่ยงที่ลูกค้าอาจไม่กล้าเข้าพักในวันหน้า เพราะอาจถูกมองว่าโรงแรมติดเชื้อโควิด-19

ผ่านไป 1 เดือนการตรวจเชื้อกักตัวสิ้นสุดลง โรงแรมจึงทำความสะอาดฆ่าเชื้อครั้งใหญ่ เพิ่งเปิดให้บริการใหม่เมื่อ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา และทำใจว่าลูกค้าบางส่วนคงหายไป แต่ผิดคาด เพราะยอดจองห้องพักจากคนใน จ.ชิบะ เข้ามาล้นหลาม และมีทั้งที่โทรศัพท์เข้ามาขอบคุณ ให้กำลงใจ ฯลฯ

เป็นเรื่องดี ๆ ท่ามกลางวิกฤตที่น่าจะแชร์ต่อ ไปให้โรงงานกับพ่อค้าที่กักตุน โก่งราคาหน้ากากอนามัย เก็บไว้อ่าน เผื่อจะดัดสันดานได้บ้าง