อย่าตื่นตระหนก-ฟื้นเชื่อมั่น

บทบรรณาธิการ

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงกว้าง จำนวนผู้ติดเชื้อจากการอยู่ใกล้ชิดหรือสัมผัสตัวผู้ป่วยมีมากขึ้น แม้รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศเข้าสู่ระยะที่ 3 แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่ว

เพราะนอกจากข่าวสารหลายกระแสจะถูกนำมาขยายต่อก่อให้เกิดความสับสนแล้ว การชี้แจงข้อมูลของภาครัฐยังไม่ชัดเจน ทำให้ข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดภายในประเทศดูเหมือนย่ำแย่กว่าสถานการณ์จริง ส่งผลให้ความไม่เชื่อมั่นพุ่งสูงขึ้นตามลำดับประกอบกับการบริหารจัดการของรัฐมีปัญหาโดยเฉพาะช่วง 1 เดือนเศษหลังเชื้อโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดในประเทศไทย ส่งผลให้รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นดิ่งวูบลงอย่างรวดเร็ว

แถมเกิดปรากฏการณ์ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด แตกตื่นกระแสข่าวปิดเมืองจากวิกฤตไวรัส พากันแห่ซื้อสินค้า ของใช้จำเป็นกักตุน ทำให้นายกฯต้องเข้ามาบัญชาการสถานการณ์ด้วยตัวเอง ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์เฉพาะกิจ ตอกย้ำให้คนไทยเชื่อมั่นการดำเนินการของภาครัฐ และขอความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการ เพื่อช่วยกันป้องกันความเสี่ยง

ขณะที่รองนายกฯวิษณุ เครืองาม แถลงผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) โดยระบุว่า ขณะนี้การระบาดของโควิด-19 อยู่ในระยะที่ 2 ยังไม่ไปสู่ระยะที่ 3 แต่รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมสูงสุด 6 ด้าน คือ ด้านสาธารณสุข เวชภัณฑ์ ข้อมูลข่าวสาร ด้านต่างประเทศ มาตรการป้องกัน มาตรการเยียวยารองรับ

โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข รัฐบาลได้จัดเตรียมโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนรองรับล่วงหน้า ขณะเดียวกันก็เน้นมาตรการป้องกันโดยเพิ่มความเข้มงวดสกัดคัดกรองคนเดินทางมาจากประเทศที่่มีความเสี่ยง

นอกจากนี้ได้ยกระดับการป้องกันปิด หยุด ระงับเปิดสถานที่บางแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัย โรงเรียน สถานกวดวิชา สนามมวย สนามกีฬา โรงมหรสพ การเลื่อนวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ 13-15 เม.ย.นี้ ฯลฯ

แม้ไม่สายเกินไปที่รัฐบาลจะปรับแนวทางแก้ปัญหาจากตั้งรับกลับมาเป็นรุก แต่บทพิสูจน์อยู่ที่การทำงานว่าจะพลิกสถานการณ์ฟื้นความเชื่อมั่น ทำให้ประชาชนพ้นจากความตื่นตระหนกได้มากน้อยแค่ไหน

ขณะที่คนไทยทั้งประเทศต้องร่วมมือป้องกันลดความเสี่ยงตนเอง คนในครอบครัว สังคม เพื่อลดความสูญเสีย จึงจะฝ่าวิกฤตภัยครั้งนี้ไปได้